หนังสุดมันส์ รวมระดับยอดฮิต

เรื่องวุ่นๆ 18+

รักนะสาวชุดแดง

บทที่ 1: การพบเจอในคืนพิเศษ

คืนวันศุกร์สุดท้ายของปี “นัท” หนุ่มนักการตลาดวัย 29 ปี ถูกเพื่อนลากมางานเลี้ยงปีใหม่ในโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง แม้เขาไม่ค่อยชอบงานสังคม แต่คืนนี้กลับมีบางอย่างดึงดูดเขาให้อยากอยู่ต่อ

ในมุมหนึ่งของห้องจัดเลี้ยงที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและแสงไฟระยิบระยับ เขาเห็นเธอ—ผู้หญิงในชุดเดรสสีแดงสดยืนอยู่ใกล้บาร์เครื่องดื่ม อย่างสวยเห็นแล้วเงี่ยนเลย บอกเลยเธอคนนี้ หีต้องสวยมากแน่ๆ

ผมยาวสลวยของเธอถูกปล่อยลงมาถึงกลางหลัง ใบหน้าที่แต่งแต้มอย่างพอดีทำให้เธอดูโดดเด่น เธอถือแก้วไวน์ไว้ในมือ และมองออกไปยังวิวเมืองที่ส่องแสงไฟระยิบระยับผ่านกระจก

“เธอเป็นใครกัน ทำไมอยากเอาควยไปยัดที่รูหีจัง?” นัทคิดในใจ

かなたちゃん 画像1

บทที่ 2: การพูดคุยที่ไม่คาดคิด 

หลังจากลังเลอยู่นาน นัทตัดสินใจเดินเข้าไปหา เขาหยุดที่บาร์และสั่งเครื่องดื่ม พลางแกล้งมองวิวเหมือนเธอ

“วิวคืนนี้สวยดีนะครับ น่าหาใครสักคนมาอมควย” นัทเริ่มบทสนทนา

เธอหันมามองเขา พร้อมยิ้มเล็กน้อย “ใช่ค่ะ สวยจน อยากได้คนมาเลียหีเหมือนกัน”

“แต่ผมว่าคืนนี้มีอีกอย่างที่สวยกว่า หีไทยๆอย่างคุณยังไงครับ” นัทพูดพลางสบตาเธอ

หญิงสาวหัวเราะเบาๆ “คุณพูดแบบนี้กับทุกคนหรือเปล่าคะ?”

“เปล่าครับ ผมพูดกับคุณคนแรก”

เธอยิ้มเขินๆ และแนะนำตัว “ฉันชื่อ ‘แอนนา’ ค่ะ แล้วคุณล่ะ?”

“ผมนัทครับ ยินดีที่ได้รู้จัก”
かなたちゃん 画像3

บทที่ 3: คืนที่ยาวนาน

ทั้งสองเริ่มพูดคุยกันเรื่อยๆ แอนนาเล่าว่าเธอเป็นนักออกแบบเครื่องประดับที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ

“คุณโชคดีจังที่ได้ทำงานในสิ่งที่รัก” นัทพูด

“คุณก็โชคดีเหมือนกันนี่คะ ที่ได้มาเจอฉัน” แอนนาพูดพร้อมยิ้มแซว

นัทยิ้มตอบ “งั้นผมจะถือว่านี่เป็นโชคดีที่สุดของปีนี้เลย”

かなたちゃん 画像4

บทที่ 4: การเชื่อมโยงที่ลึกซึ้ง

เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืน ทั้งสองยืนอยู่ที่ระเบียง ชมการแสดงพลุที่จุดขึ้นกลางท้องฟ้า แสงสีหลากสีสะท้อนในดวงตาของแอนนา ทำให้นัทรู้สึกเหมือนเขากำลังมองดาวที่ใกล้ที่สุด

“ปีหน้าคุณมีแผนอะไรบ้าง?” นัทถาม

“ฉันอยากเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ” แอนนาตอบ

“อย่างเช่น?”

“บางทีอาจจะลองเปิดใจให้ใครสักคน”

นัทนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนพูดขึ้นเบาๆ “หวังว่าผมจะเป็นคนนั้น”

แอนนาหันมามองเขา รอยยิ้มของเธอเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน “บางทีคุณอาจจะเป็นก็ได้นะ”

かなたちゃん 画像5

บทที่ 5: การเริ่มต้นของสิ่งใหม่

หลังงานเลี้ยงจบลง นัทขอเบอร์โทรศัพท์ของแอนนา เธอยิ้มและยื่นมือถือให้เขา

“ฉันไม่รับสายแปลกหน้าหรอกนะ คุณต้องพยายามทำให้ฉันจำคุณได้” เธอพูดแซว

“ผมจะทำให้คุณจำผมได้แน่นอน” นัทตอบอย่างมั่นใจ

 

บทสรุป: ความรักในคืนที่ไม่คาดฝัน

จากการพบกันเพียงครั้งเดียวในคืนปีใหม่ กลายเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยความหมาย

“แอนนา” ผู้หญิงในชุดสีแดงสด ไม่ใช่เพียงแค่ความทรงจำในคืนหนึ่ง แต่กลายเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้นัทเชื่อในความรักอีกครั้ง

 

หนังสยองขวัญที่ดี แย่ และปานกลาง

หนังสยองขวัญที่ดี แย่ และปานกลางของปี 2012
ตอนแรกที่คิดจะจัดอันดับหนังสยองขวัญ 10 อันดับแรกของปี 2012 ฉันคิดว่าคงเป็นงานที่ยากพอสมควร แต่พอนึกได้ตอนนี้ก็นึกออกแค่ 5 เรื่องที่ชอบและเข้าฉายในปีนี้เท่านั้น ดังนั้น ฉันจึงขอเสนอรายชื่อหนังดี หนังแย่ และหนังธรรมดาๆ ให้คุณดู

ก่อนอื่น ขอพูดถึงข้อดีก่อน นี่คือภาพยนตร์ที่ฉันชื่นชอบในปีนี้ และฉันรู้ว่าฉันจะดูซ้ำแล้วซ้ำเล่า หากคุณต้องการดูอะไรก็ตามจากปี 2012 ก็ดูสิ่งเหล่านี้

5 – ผู้หญิงในชุดดำ

ฉันชอบหนังเวอร์ชันปี 1989 ต้นฉบับมาก เพราะมีบรรยากาศที่น่าตื่นตาตื่นใจและสถานที่ที่น่าขนลุกและหลอนมาก หนังเรื่องนี้เป็นหนังโปรดของฉัน ดังนั้นฉันจึงเริ่มสร้างใหม่ด้วยความรู้สึกหวาดหวั่นอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะเมื่อหนังได้รับเรต 12A/PG-13 ซึ่งทำให้แฟนหนังสยองขวัญหลายคนเปลี่ยนใจ โชคดีที่หนังเรื่องนี้ไม่ทำให้ผิดหวัง และทำได้อย่างที่สัญญาไว้ว่าจะเป็นหนังสยองขวัญที่เข้มข้น มีเนื้อเรื่องที่เขียนมาได้ดีมาก และตอนจบที่หดหู่ใจอย่างสดชื่น

ภาพของแดเนียล แรดคลิฟฟ์ขณะเดินวนรอบบ้านหลังเก่าเต็มไปด้วยความตึงเครียดและความกลัว และถือเป็นหนึ่งในภาพที่ดีที่สุดในภาพยนตร์เรื่องนี้ การแสดงก็ยอดเยี่ยมทุกด้าน และถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีที่เล่าเรื่องผีโดยไม่มีกล้องสั่น เสียงกรี๊ดร้อง และน้ำมูกไหล แม้จะไม่ค่อยเข้ากับต้นฉบับนัก แต่ก็ไม่ค่อยมีภาพยนตร์หลายเรื่องที่จะเทียบได้ ภาพยนตร์เรื่องนี้ให้ภาพที่ดี และฉันก็สนุกกับมัน ซึ่งนั่นก็ถือเป็นเรื่องสำคัญในท้ายที่สุด ดูหนังบ้านเพื่อน

4 – เจ้าของโรงเตี๊ยม

The Innkeepers เป็นภาพยนตร์ของ Ti West ที่เล่าถึงพนักงาน 2 คนที่ดูแลโรงแรมในช่วงวันสุดท้ายก่อนปิดตัวลง เหตุการณ์เหนือธรรมชาติดำเนินไปอย่างเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงตอนจบ ซึ่งสร้างความตื่นเต้นให้คุณได้เมื่อถึงตอนนั้น หนังเรื่องนี้ดำเนินเรื่องอย่างช้าๆ แน่นอน เราไม่ได้เข้าเรื่องโดยตรง ซึ่งถือเป็นจุดเด่นที่สุดของหนังเรื่องนี้

มันทำให้เนื้อเรื่องดำเนินไปอย่างเป็นธรรมชาติและให้เวลาในการพัฒนาตัวละคร ซึ่งทำให้ความตึงเครียดเพิ่มขึ้นในทุกฉาก หากคุณกำลังมองหาภาพยนตร์เหนือธรรมชาติที่สร้างมาอย่างดี แสดงได้ดี และมีบางอย่างที่แตกต่างจากเรื่องอื่นๆ Innkeepers คุณจะไม่ผิดหวัง

 

3 – พารานอร์แมน

จริงๆ แล้ว ฉันดูหนังได้แค่ 2 ประเภทเท่านั้น คือ แนวสยองขวัญและแอนิเมชั่น คุณสามารถดูหนังแอคชั่นได้ ส่วนแนวดราม่ามักจะน่าเบื่อ ส่วนแนวโรแมนติกมักจะทำให้ฉันอยากสำลักน้ำลายตัวเองตาย ดังนั้นเมื่อฉันไปดูหนัง Paranorman ฉันจึงภาวนาว่ามันจะเป็นหนังที่ฉันอยากให้เป็น และก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ Paranorman เป็นการผสมผสานระหว่างแนวสยองขวัญและแอนิเมชั่นสต็อปโมชั่นได้อย่างลงตัว โดยเล่าเรื่องของเด็กน้อยที่สามารถมองเห็นผีได้ และเราขอร่วมต่อสู้กับปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากเรื่องนี้กับเขาด้วย

เรื่องราวที่เล่ามาทำให้ฉันติดหนึบในทันที เนื้อเรื่องนั้นเข้มข้นมาก และฉันตกหลุมรักการอ้างอิงถึงความสยองขวัญที่ถาโถมเข้ามาหาเราตลอดทั้งเรื่อง บางอย่างก็ละเอียดอ่อน บางอย่างก็เปิดเผย ฉันพบมากขึ้นเมื่อดูครั้งที่สองของหนังเรื่องนี้ ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมใครถึงไม่ชอบหนังสนุกๆ เรื่องนี้ และแม้ว่าคุณจะตัดสินใจดูเพื่อพักจากหนังหนักๆ คุณก็จะไม่ผิดหวัง เป็นหนังที่ยอดเยี่ยมรอบด้านจริงๆ และยังเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการแนะนำเด็กๆ ให้รู้จักกับความสยองขวัญอีกด้วย ไม่ได้มีฉากน่ากลัวมากนัก ซึ่งถือเป็นข้อดีอย่างยิ่ง

หมายเหตุเพิ่มเติม ฉันรู้สึกประทับใจเป็นอย่างยิ่งที่ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องแรกที่มีตัวละครที่เป็นเกย์ ชุมชน LGBT ไม่ได้รับการนำเสนอในแง่บวกมากนักในภาพยนตร์สยองขวัญ และฉันรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เห็นว่าเรื่องนี้ทำได้ดีมาก

 

2 – คนที่รัก


โอเค นี่ถือว่าโกงนิดหน่อย ฉันไม่ได้ดูเรื่องนี้เป็นครั้งแรกในปีนี้ แต่ครั้งแรกที่ฉันดูคือเมื่อ 2 ปีที่แล้ว แต่เนื่องจากเรื่องนี้เข้าฉายในอเมริกาเมื่อปี 2012 ฉันเลยต้องรวมเรื่องนี้ไว้ด้วย นอกจากจะเป็นตัวเลือกร่วมของฉันในปีนี้แล้ว ยังเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ฉันชอบที่สุดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาอีกด้วย

เราติดตามโลล่า วัยรุ่นชาวออสเตรเลียสุดหลอนที่พยายามเอาชนะใจเพื่อนร่วมชั้นด้วยเทคนิคการประจบประแจงที่ไม่ธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นการใช้เล็บ เข็มฉีดยา สว่าน พ่อคนหนึ่งที่ทุ่มเทมากเป็นพิเศษ และเพลงที่เธอจะไม่มีวันได้ยินอีกโดยไม่รู้สึกสั่นสะท้าน

Lola Stone เป็นภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยมอย่างโหดร้าย เธอเป็นหนึ่งในนักแสดงโรคจิตที่มีแนวคิดสร้างสรรค์ที่สุดที่เราเคยเห็นมาในรอบหลายปี ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้กลายเป็นภาพยนตร์ที่ต้องชมอย่างไม่ต้องสงสัย

 

1 – สายพันธุ์แท้


อีกหนึ่งภาพยนตร์ที่ฉันเลือกในปีนี้คือภาพยนตร์อังกฤษแนวป่าดงดิบที่ถ่ายทำได้อย่างยอดเยี่ยม ฉันชอบมันมาก กำกับโดย Alex Chandon เรื่อง Inbred เต็มไปด้วยฉากเลือดสาดที่ยอดเยี่ยม เนื้อเรื่องที่ตลกขบขันและชวนติดตาม

เป็นการยุติธรรมที่จะบอกว่าหนังสยองขวัญแนวบ้านนอกเป็นหนังที่ฉันชื่นชอบจริงๆ ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้เล็กน้อยที่ฉันอาจจะลำเอียงเล็กน้อยกับหนังอินดี้แนวบ้านนอก/ป่าดงดิบเรื่องนี้ นอกจากนี้ เนื่องจากถ่ายทำในยอร์กเชียร์ ซึ่งอยู่ห่างจากที่ฉันอยู่เพียง 30 นาที จึงทำให้ฉันรู้สึกว่าเป็นหนังส่วนตัวมากกว่า แต่ฉันคิดว่าใครก็ตามที่ชอบหนังแนวบ้านนอกดีๆ ที่มีอารมณ์ขันดำๆ พอสมควร มีเรื่องแปลกประหลาดเล็กน้อย และมีเลือดสาดเล็กน้อย ควรใส่หนังเรื่องนี้ไว้ในรายชื่อหนังที่จะดูเป็นอันดับแรก เพราะพวกเขาจะต้องชอบมันเช่นกัน ไม่มีใครที่ฉันดูเรื่องนี้ให้ใครดูแล้วผิดหวังเลย

 

ภาพยนตร์สยองขวัญปี 2012 ที่โดดเด่นในระดับปานกลาง:
หนังพวกนี้ไม่ได้แย่อะไร แต่ด้วยเหตุผลบางประการ ฉันไม่ได้หลงใหลมันมากนัก หนังเรื่องนี้ก็ถือว่าดีพอที่จะดูได้ แต่อย่าพยายามดูมากจนเกินไป
กระท่อมในป่า
ฉันสนุกกับหนังเรื่องนี้ แต่ไม่ได้ชอบมันเหมือนกับเพื่อนๆ ที่ชอบดูหนังสยองขวัญหลายๆ คน ในฐานะหนึ่งในหนังที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในปีนี้ ฉันจะไม่ลงรายละเอียดเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้มากนัก เพราะฉันกล้าพนันได้เลยว่าทุกคนคงรู้เรื่องราวต่างๆ มากมายอยู่แล้ว ดังนั้นฉันจะพูดเพียงว่า ไม่มีอะไรผิดกับหนังเรื่องนี้เลย มันเป็นหนังที่สร้างมาได้ดี สนุก และที่สำคัญคือเป็นหนังต้นฉบับ สมควรได้รับคำชมเชยในเรื่องนั้น

เหตุผลเดียวที่หนังเรื่องนี้ไม่อยู่ในรายชื่อหนังดีของฉันก็คือเพราะว่าในรสนิยมส่วนตัวของฉันแล้ว หนังเรื่องนี้เป็นแนววิทยาศาสตร์มากเกินไป ฉันไม่ใช่แฟนตัวยงของหนังสยองขวัญ/ไซไฟ และมักจะพบว่าตัวเองถูกดึงออกจากเนื้อเรื่องด้วยองค์ประกอบทางวิทยาศาสตร์ของหนังประเภทนี้ ฉันจะรู้สึกเหมือนกำลังโกหกถ้าฉันรวมหนังเรื่องนี้ไว้ในรายชื่อหนังดีเด่นของฉัน และฉันจะไม่บอกว่าฉันชอบหนังเรื่องใดเรื่องหนึ่งเพียงเพราะว่าคนอื่นชอบ อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ได้เป็นการดูถูกหนังเรื่องนี้แต่อย่างใด และฉันอยากแนะนำให้ทุกคนลองดูหนังเรื่องนี้ดู

 

โรสวูด เลน
ผู้กำกับที่มีประเด็นโต้เถียงอย่างวิกเตอร์ ซัลวา (Jeepers Creepers) กำกับหนังสยองขวัญเรื่องนี้ และผมว่ามันก็สนุกดี แม้จะดูเสแสร้งไปนิดก็ตาม จิตแพทย์คนหนึ่งย้ายกลับไปยังสถานที่ที่เธอเคยอาศัยอยู่เมื่อตอนเป็นเด็ก และเริ่มสังเกตเห็นพฤติกรรมแปลกๆ ของเด็กส่งหนังสือพิมพ์

ด้วยเหตุผลที่ชัดเจน ‘เด็กส่งหนังสือพิมพ์’ จริงๆ แล้วเล่นโดยผู้ใหญ่ ซึ่งทำให้ความรู้สึกขนลุกที่อาจเกิดขึ้นลดน้อยลง แต่ถึงกระนั้น 1 ใน 14 ของภาพยนตร์ก็มีฉากตกใจและสะเทือนใจที่ค่อนข้างดี และฉากหนึ่ง (ในห้องใต้ดิน) เป็นหนึ่งในฉากที่ทำให้หัวใจหยุดเต้นได้ดีเยี่ยม ซึ่งทำให้คุณสะดุ้งได้จริงๆ

ฉันชอบช่วงเวลาเหล่านั้น หลังจากนั้น หนังก็สร้างความตึงเครียดได้ดี และสร้างโครงเรื่องที่คุณจะสนใจ อย่างไรก็ตาม ตอนจบและการ “เปิดเผย” นั้นค่อนข้างสับสน และรู้สึกว่ามันค่อนข้างจะยืดเยื้อ มีหลายวิธีที่จะจบหนังเรื่องนี้ แต่วิธีที่พวกเขาทำนั้นไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องอย่างแน่นอน มันคลุมเครือเกินไป และมีตัวเลือกมากมายที่จะทำให้มันน่ากลัวกว่านี้มาก แม้จะมีตอนจบที่แย่ แต่ฉันก็สนุกกับองค์ประกอบหลายอย่างของหนังเรื่องนี้ อย่ารีบไปดู แต่ถ้าคุณไม่มีอะไรจะทำที่ดีกว่านี้ มันก็คุ้มค่าที่จะดู

 

ภาพยนตร์สยองขวัญที่สร้างจากโรคกลัวทั่วไป

ภาพยนตร์สยองขวัญที่สร้างจากโรคกลัวทั่วไป

ภาพยนตร์สยองขวัญที่สร้างจากโรคกลัวทั่วไป
ผู้อ่านประจำหลายคนคงทราบดีว่าฉันหลงใหลในโรคกลัวชนิดต่างๆ เดือนที่แล้ว ฉันได้เขียนบทบรรณาธิการที่พูดถึงโรคกลัวชนิดต่างๆ ที่พบได้ทั่วไปและน่ากลัวที่สุดซึ่งมักพบในภาพยนตร์สยองขวัญ

หลังจากที่ฉันเขียนเรื่องนี้ ฉันได้อ่านความคิดเห็นด้านล่างรายการอื่นๆ ของฉัน รวมถึงบนเฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ และฉันก็ตัดสินใจว่าฉันพลาดความกลัวหลายอย่างไปอย่างชัดเจน ดังนั้น ฉันจึงตัดสินใจทำรายการความกลัวทั่วไปเกี่ยวกับหนังสยองขวัญอีกรายการหนึ่ง

รายการนี้เพิ่มสิ่งที่ทำให้เกิดความหวาดกลัวใหม่ๆ เข้ามา และแบ่งหมวดหมู่บางส่วนออกจากรายการเดิม

1. แมงมุม – โรคกลัวแมงมุม
ใช่ เรื่องนี้อยู่ในรายการสุดท้าย แต่ผู้อ่านหลายคนชี้ให้เห็นว่าความกลัวแมงมุมสมควรมีหมวดหมู่ของตัวเอง! ฉันคิดว่าถ้าคุณไม่กลัวแมงมุม Arachnophobia จะเป็นเรื่องตลกสำหรับคุณมากกว่า แต่ถ้าคุณกลัวแมงมุมมากจนแทบจะมองมันไม่ได้ หนังเรื่องนี้อาจทำให้คุณฝันร้ายได้

2. ฝังทั้งเป็น – การฝังก่อนวัยอันควร
กล่าวถึงอย่างมีเกียรติ: The Vanishing

ฉันคิดว่าแทบทุกคนมีความกลัวการถูกฝังทั้งเป็น ฉันสังเกตว่านี่เป็นหนึ่งในโรคกลัวที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ส่วนใหญ่เป็นเพราะมันรวมเอาความกลัวความตายเข้ากับความกลัวสถานที่จำกัด The Premature Burial อิงจากเรื่องราวของเอ็ดการ์ อัลเลน โพในชื่อเดียวกัน ภาพยนตร์เรื่องนี้ติดตามชายคนหนึ่งที่กลัวการถูกฝังทั้งเป็นอย่างรุนแรงถึงขนาดสร้างสุสานพร้อมเส้นทางหลบหนี ภาพยนตร์เรื่องนี้คุ้มค่าแก่การรับชมอย่างแน่นอน และมีแนวโน้มว่าจะทำให้คุณสะดุ้งหากคุณมีความกลัวการถูกฝังทั้งเป็นอย่างรุนแรง The Vanishing (ต้นฉบับ) ก็ค่อนข้างน่ากลัวเช่นกัน แต่เป็นแนวลึกลับ/ระทึกขวัญมากกว่าหนังสยองขวัญ

3. เข็ม – เลื่อย II
ฉันมักจะโดนวิจารณ์อยู่เสมอเมื่อเลือกหนัง Saw เข้ารายการ แต่ก็มีฉากทรมานและฆ่าฟันที่สร้างสรรค์อยู่บ้าง จากทั้งซีรีส์ ฉากที่ทำให้ฉันวิตกกังวลมากที่สุดคือฉากหลุมเข็มใน Saw II ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะกลัวเข็ม แต่ฉากนี้ดูยากมากสำหรับฉัน

4. ความเหงา – ฉันคือตำนาน
กล่าวถึงอย่างมีเกียรติ: เขาเป็นคนเงียบๆ

โดยปกติแล้ว ความกลัวความเหงามักจะเกี่ยวข้องกับการตายเพียงลำพังในโลกที่เต็มไปด้วยผู้คน แต่ฉันคิดว่าตัวละครของวิลล์ สมิธใน I Am Legend ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่เลวร้ายกว่านั้นมาก ไม่เพียงแต่เขาต้องรับมือกับการเป็นคนสุดท้ายที่ยังมีชีวิตอยู่ในนิวยอร์กเท่านั้น แต่เขายังต้องต่อสู้กับสัตว์ประหลาดแวมไพร์ที่น่าขนลุกเหล่านี้ด้วย มันน่าเศร้าจริงๆ ที่ได้เห็นว่าความโดดเดี่ยวส่งผลต่อเขาอย่างไร รวมถึงได้เรียนรู้ว่าเขามาอยู่เพียงลำพังได้อย่างไร He Was A Quiet Man ไม่ใช่หนังสยองขวัญ และฉันคิดว่ามันน่าจะถูกมองว่าเป็นหนังดราม่ามากกว่า แต่ก็ยังคงให้ข้อมูลเชิงลึกที่ดีเกี่ยวกับผลกระทบของความเหงาที่ทำลายล้างได้ มักจะเป็นความเหงาเสมอใช่ไหม?

5. งู – เกาะงู
รางวัลชมเชย: Venom (1981,) Snakes on a Plane

ตอนนี้ ฉันไม่กลัวงู ไม่เคยกลัวจริงๆ แต่มีบางส่วนของเกาะงูที่ฉันต้องดูตลอดเวลา จากชื่อเรื่องก็อธิบายได้ค่อนข้างดีว่าหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับเกาะที่เต็มไปด้วยงู โดยเล่าเรื่องกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเกาะและต้องเอาชีวิตรอดจากงูพิษ การแสดงใน Venom ก็ไม่ได้ยอดเยี่ยมอะไร แต่ก็มีบางฉากที่เครียดมาก เป็นเรื่องเกี่ยวกับงานลักพาตัวที่กลายเป็นเรื่องเลวร้ายเมื่อมีงูพิษสีดำหลุดออกมา! และฉันต้องรวม Snakes on a Plane ไว้ด้วย ใช่แล้ว มันเป็นหนังที่แย่มาก ฉันรู้ดี แต่มีงูเยอะมากในหนังเรื่องนี้ และฉันรับรองว่าถ้าคุณกลัวงู เรื่องนี้จะทำให้คุณตกใจ นอกจากนี้ มีใครเคยสังเกตไหมว่าในหนังงูพิษมักจะมีฉากหนึ่งที่งูตัดสินใจค่อยๆ เลื้อยขึ้นขาหรือรอบคอของคุณหรืออะไรก็ตาม และตัวละครก็นิ่งสนิท นั่นคือสิ่งที่มักจะทำให้ผมรู้สึกเมื่อดูหนังงู ผมแทบจะขยับตัวหรือหายใจไม่ได้เลยจนกว่าหนังจะจบ! เพราะแน่นอนว่าการเคลื่อนไหวของผมจะส่งผลต่อผลลัพธ์ของหนัง

6. ครอบครัวผู้ป่วยโรคจิต – บ้าน 1,000 ศพ
รางวัลชมเชย: Devil’s Rejects, Texas Chainsaw Massacre

House of 1000 Corpses เป็นหนึ่งในหนังสยองขวัญเรื่องโปรดของฉัน ฉันดูเรื่องนี้ไปเป็นล้านครั้งแล้ว และยิ่งดูก็ยิ่งสนุกขึ้นเรื่อยๆ เด็กๆ ใน House of 1000 Corpses คงไม่เห็นด้วยกับการเอาชีวิตรอดในหนังสยองขวัญของฉัน เพราะไม่เช่นนั้นพวกเขาคงเข้าใจว่าการไปรับคนโบกรถกลางดึกไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ แม้ว่าเธอจะน่ารักเหมือนเชอรี มูน ซอมบี้ คุณก็ควรขับรถต่อไป ฉันคิดว่า Devil’s Rejects เป็นหนังที่ดีกว่า แต่ฉากทรมานที่ทำโดยตระกูล Firefly ไม่เข้มข้นเท่า House of 1000 Corpses และแน่นอนว่า Texas Chainsaw Massacre ก็อยู่ในหนังเรื่องนี้ Leatherface เป็นหนึ่งในไอคอนหนังสยองขวัญเรื่องโปรดของฉัน—จริง ๆ นะ พวกคุณ เขาแค่ถูกเข้าใจผิด! —แต่จริง ๆ แล้ว ฉันไม่สามารถมองตะขอเกี่ยวเนื้อเหมือนเดิมอีกต่อไปได้อีกแล้ว และคุณคิดว่าครอบครัวของคุณบ้าไปแล้ว!

7. ผี – สัมผัสที่ 6

รางวัลชมเชย: Thir13en Ghosts, Ju-on, The Innkeepers

ฉันกลัวผีมากพอสมควร และตอนที่ได้ดู The Sixth Sense ตอนอายุยังน้อย ฉันก็เกิดอาการหวาดผวาไปตลอดชีวิต มันทำให้ OC พังสำหรับฉัน! (ไม่หรอก OC พังสำหรับฉัน) แต่เอาจริง ๆ แล้ว หนังเรื่องนั้นทำให้ฉันกลัวมาก จนถึงทุกวันนี้ ฉันก็ยังรู้สึกขนลุกเมื่อได้ดูมัน Thir13en Ghosts เป็นหนังอีกเรื่องที่ฉันดูตอนเด็กๆ และภาพในหนังก็น่ากลัวมากสำหรับฉัน ฉันไม่คิดว่าจะดูจบด้วยซ้ำ! (จำไว้ว่าฉันอายุแค่เก้าหรือสิบขวบตอนที่ดู!) ฉันดู The Grudge (หนังรีเมคของอเมริกา) จบ แต่ฉันก็นั่งดู Ju-on จนจบไม่ได้ด้วยซ้ำ! มีฉากหนึ่งที่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งนอนอยู่ใต้ผ้าห่มบนเตียงของเธอ เธอตกใจกับทีวีที่เล่นตลก และเมื่อเธอดึงผ้าห่มขึ้น… คุณควรดูเอง คลิปนั้นอยู่ใน Youtube หากคุณสนใจ! เจ้าของโรงเตี๊ยมก็ทำให้ฉันกลัวมากเช่นกัน ฉันเริ่มดูหนังเรื่องนี้คนเดียวในอพาร์ตเมนท์ของฉันโดยปิดไฟทั้งหมด แต่เมื่อหนังเรื่องนี้จบลง ไฟแทบทุกดวงในอพาร์ตเมนท์ของฉันกลับเปิดอยู่

8. แมว – ความน่าขนลุก

รางวัลชมเชย: ไม่ได้รับเชิญ

เชื่อหรือไม่ว่ามีคนจำนวนมากที่กลัวแมว รวมถึงตัวฉันเองด้วย แมวมีอยู่ทุกที่จริงๆ ฉันเคยเห็นแมวในมหาวิทยาลัย รอบๆ อพาร์ทเมนต์ของฉัน ในสวนสาธารณะ และยังมีอีกมากมาย! แมวตัวหนึ่งกัดฉันตอนที่ฉันยังเด็กมาก และตั้งแต่นั้นมา ฉันก็เกลียดเจ้าพวกตัวแสบพวกนั้น The Uncanny เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ทำให้ฉันเครียดที่สุดที่เคยดูมา ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวที่แตกต่างกันสามเรื่อง แต่ล้วนน่ากลัวทั้งสิ้น เรื่องราวทั้งหมดเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับแมวไล่จับแมว และพวกมันก็ทำตัวแย่และน่าสะพรึงกลัว Uninvited เป็นเรื่องเกี่ยวกับแมวประหลาดตัวหนึ่งที่ขึ้นเรือยอทช์แล้วเริ่มสร้างความหวาดกลัวให้กับทุกคนบนเรือ เรื่องนี้ค่อนข้างน่าเบื่อ แต่แค่คิดว่าตัวเองติดอยู่กลางมหาสมุทรกับแมวตัวหนึ่งที่ต้องการฆ่าฉันก็รู้สึกกลัวมากแล้ว ดูหนังบ้านเพื่อน

มันน่าสนใจไหมที่หนังสามารถน่ากลัวได้ ทั้งๆ ที่มันไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น ฉันมีเพื่อนที่แทบจะดูฉากอาราก็อกในแฮรี่ พอตเตอร์กับห้องแห่งความลับไม่ได้เลยเพราะแมงมุม ฉันหวังว่าฉันจะได้พูดถึงอาการกลัวทั่วไปบางส่วนที่นี่แล้ว แต่โปรดแสดงความคิดเห็นด้านล่างหากคุณมีอะไรจะเพิ่มในรายการของฉัน!

หนังสยองขวัญเรื่องจริง จริงแค่ไหน?

หนังสยองขวัญเรื่องจริง จริงแค่ไหน?

หนังสยองขวัญที่เล่าเรื่องจริง จริงแค่ไหน? ถ้ามีสิ่งหนึ่งที่มีมากกว่าฉากการตายอันซับซ้อนและความเปลือยเปล่าในหนังสยองขวัญ นั่นก็คือความซ้ำซากจำเจ ห้ามมีเซ็กส์ ห้ามเดินเตร่คนเดียว ห้ามต่อยหน้าผู้ชายที่สวมหน้ากาก ความซ้ำซากจำเจที่เหนือชั้นกว่านั้นก็คือ

หากมันเป็นภาระ มันก็เป็นภาระอันยิ่งใหญ่ที่ต้องแบกไว้…และไปสู่ส่วนที่สองของรายการ:

การขาดงาน (2011)


ภาพยนตร์อย่าง Absentia ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของมาตรฐานทองคำสำหรับการสร้างภาพยนตร์อิสระ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาพยนตร์ประเภทสยองขวัญ (ดูเบื้องหลังการสร้างได้ในดีวีดี จริงจังนะ) เรื่องราวเกี่ยวกับพี่น้องสาวสองคน ได้แก่ ทริเซีย (รับบทโดยคอร์ทนีย์ เบลล์) ที่กำลังตั้งครรภ์ และแคลลี (รับบทโดยเคธี่ ปาร์คเกอร์) ผู้มีจิตใจโลเล ที่กลับมาพบกันอีกครั้งจากเหตุการณ์ที่สะเทือนขวัญ แดเนียล (รับบทโดยมอร์แกน ปีเตอร์ บราวน์) สามีของทริเซียหายตัวไปเป็นเวลาเจ็ดปี แคลลีมาถึงเพื่อช่วยทริเซียในการประกาศว่าสามีของเธอเสียชีวิตระหว่างที่เธอไม่ได้อยู่ที่บ้าน และเธอต้องเผชิญกับความผิดพลาดโง่ๆ ในอดีตของเธอเอง รวมถึงผลกระทบที่มีต่อความสัมพันธ์ของเธอกับน้องสาว รวมถึงน้องสาวของเธอที่ตั้งครรภ์ โดยนักสืบที่สืบคดีคนหายของสามีเธอ

ภาพหลอนและน่าสะพรึงกลัวของสามีของทริเซียที่หายตัวไปเริ่มเกิดขึ้นในขณะที่บ้านกำลังถูกเก็บของและเอกสารทางกฎหมายกำลังถูกดำเนินการ ในขณะที่ภาพเหล่านี้กำลังเกิดขึ้น เหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นในและรอบๆ ทางผ่านอุโมงค์ใกล้เคียงทำให้แคลลีตกใจและสับสน (ฉากที่น่าวิตกกังวลอย่างยิ่งกับดั๊ก โจนส์ ผู้รับบทเฮลล์บอย) และบ่งบอกว่าอาจมีบางอย่างที่ชั่วร้ายกว่านั้นกำลังเกิดขึ้น เรื่องราวยังคงดำเนินต่อไปอย่างช้าๆ และสม่ำเสมอด้วยเหตุการณ์ที่กระทบกระเทือนประสาทชุดหนึ่งซึ่งเริ่มนำสิ่งที่เกิดขึ้นกับแดเนียลและสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขาทั้งหมดไปสู่จุดสุดยอด

การพลิกผันและองค์ประกอบเหนือธรรมชาติจะไม่เกิดผลหากไม่มีความสัมพันธ์ที่สมบูรณ์แบบระหว่างตัวละครและความเอาใจใส่ที่ผู้ชมมีต่อตัวละครเหล่านี้ ความตื่นเต้นในฉากสุดท้ายนั้นยิ่งใหญ่ขึ้นเพราะผู้ชมทุ่มเทอย่างเต็มที่ และเมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง โศกนาฏกรรมก็จะรู้สึกได้ชัดเจนและเต็มที่มากขึ้น ฉันพูดได้ไม่หมดว่าฝีมือในการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้และการทำงานที่ใส่ลงไปในระดับพื้นฐานทำให้ส่วนที่เหลือของเรื่องดีขึ้นมากเพียงใด… การพลิกผันทางอารมณ์และโศกนาฏกรรมของเรื่องราวจะไม่มีความหมายมากนักหากไม่มีสิ่งเหล่านี้ ไมค์ ฟลานาแกน มอร์แกน ปีเตอร์ บราวน์ และบริษัทได้สร้างภาพยนตร์ที่ฉันคิดว่าเป็นเอกลักษณ์และน่าทึ่งอย่างยิ่ง ซึ่งฉันคิดว่าเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของการนำองค์ประกอบของละครและความสยองขวัญมารวมกันเพื่อสร้างเรื่องราวเกี่ยวกับการสูญเสียและการเปลี่ยนแปลงที่แทบจะสมบูรณ์แบบเมื่อเผชิญกับอันตรายร้ายแรงที่มองไม่เห็นbดูหนังบ้านเพื่อน

เบิร์นนิ่ง ไบรท์ (2010)

โอเค ฉันคิดว่าเรื่องนี้อาจจะทำให้เกิดความแตกแยกได้ เนื่องจากฉันได้อ่านความคิดเห็นที่หลากหลายเกี่ยวกับเรื่องนี้ตั้งแต่ที่ออกฉาย ฉันดูหนังเกี่ยวกับนักล่า/สัตว์โจมตีมากเกินกว่าที่อยากจะพูดถึง และโดยรวมแล้ว หนังเหล่านี้ค่อนข้างโง่ มีหนังดีๆ อยู่ไม่กี่เรื่อง แต่ส่วนใหญ่แล้ว ผู้ชายกับหมี/ฉลาม/หมาป่าตัวใหญ่จอมโหด ฯลฯ มักจะทำตามสูตร “ตามตัวเลข” อย่างเคร่งครัด Burning Bright ไม่เข้ากับรูปแบบ “สัตว์โจมตี” เลย แต่กลับเป็นหนังระทึกขวัญ/สยองขวัญชั้นยอดที่นำเด็กสาววัยเรียน (Briana Evigan) และพี่ชายออทิสติกที่ทำงานได้ไม่ดีของเธอ มาต่อสู้กับเสือโคร่งเบงกอลที่หิวโหยมากในบ้านที่ปิดตาย

คุณว่าฟังดูโง่เหรอ? ใช่แล้ว เนื้อเรื่องฟังดูไร้สาระ แต่จากที่ฉันบอกหลายๆ คนไปแล้วตั้งแต่เห็นครั้งแรก ประมาณ 10-15 นาทีผ่านไป เรื่องราวก็ดูราวกับเป็นเรื่องราวที่คุณน่าจะเคยดูทาง Dateline NBC ความระทึกขวัญของเรื่องนี้ถูกลดทอนลงด้วยคำถามที่ว่า “พวกเขาจะทำหรือไม่ทำ” และคุณคิดว่าผู้สร้างภาพยนตร์จะนำเสนอเรื่องราวอย่างไร เพื่อให้ผู้คนได้เห็นเรื่องราวในแบบเดียวกับที่ฉันทำ (แทบไม่มีข้อมูลอะไรเลยนอกจากว่า Garret Dillahunt จาก Raising Hope อยู่ในเรื่องและประโยคสรุปข้างต้น) ฉันจะไม่พูดอะไรมากกว่าที่พูดไปแล้ว ฉันจะบอกว่าความตึงเครียดของเรื่องราวนั้นยอดเยี่ยมมาก และ… โถซักผ้า และ ไม่ ไม่พูดอะไรเพิ่มเติม

สปลินเตอร์ (2008)


ในยุคของการสร้างใหม่และการสร้างใหม่ รวมถึงสิ่งอื่นๆ ทั้งหมดนั้น ภาพยนตร์ประเภทสัตว์ประหลาดต้นฉบับเริ่มหายากขึ้น ฉันไม่เข้าใจ – แต่เพื่อไม่ให้ดูเหมือนคนขี้บ่น ฉันจะก้าวต่อไป ฉันเขียนสิ่งนี้เพราะภาพยนตร์อย่าง Splinter เป็นตัวอย่างที่ดีของการทำหลายๆ อย่างให้ถูกต้องและสร้างภาพยนตร์สัตว์ประหลาดที่สนุกสนานและสุดเหวี่ยง ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่น่าดูมาก ไม่มีอะไรน่าเบื่อเกี่ยวกับฉาก ภัยคุกคามจากสัตว์ประหลาด หรืออะไรก็ตาม มันสุดยอดมาก

เรื่องราวนี้เกี่ยวข้องกับคู่รักหนุ่มสาว (Jill Wagner อดีตนักแสดงจากรายการทีวีเรื่อง Wipeout และ Paulo Costanzo) ที่ออกเดินทางไปตั้งแคมป์ที่โอคลาโฮมา และถูกหญิงติดยาที่ไม่มั่นคงและแฟนหนุ่มซึ่งเป็นนักโทษที่หลบหนีเข้าไปขโมยรถไป ไม่นานหลังจากรถถูกขโมยไป ตัวละครหลักทั้งสี่คนต้องหยุดวิ่งเพราะยางแบน (เกิดจาก…) และในไม่ช้าพวกเขาก็พบว่าตัวเองอยู่ในปั๊มน้ำมันที่ว่างเปล่า เราต่างรู้ดีว่าปั๊มน้ำมันแห่งนี้ไม่ใช่สถานที่ที่ดีนัก (อ้างอิงจากฉากเปิดเรื่องในตอนต้นของภาพยนตร์ก่อนที่เราจะได้พบกับตัวละครหลัก) และทุกอย่างก็ดำเนินไปอย่างรวดเร็วและร้อนระอุ และการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดก็ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและเข้มข้น สิ่งมีชีวิตที่ตามล่าพวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทปรสิตที่เข้ายึดครองร่างของสัตว์ที่ตายแล้วและมีชีวิต และ… ผสมผสานพวกมันเข้าด้วยกัน สิ่งมีชีวิตและเอฟเฟกต์นั้นยอดเยี่ยมมาก – มันน่ากลัวมาก (และน่าทึ่ง) เมื่อมองดูในรูปแบบต่างๆ และเป็นตัวร้ายที่น่ากลัวและเก่งกาจทุกด้านที่ต้องเอาใจช่วย Splinter ของ Toby Wilkins เป็นหนังที่ยอดเยี่ยมมากและแฟนหนังทุกประเภทควรได้ชม

เดอะ เรเวแนนท์ (2009)


The Revenant เป็นตัวอย่างที่ดีของภาพยนตร์ที่ถูกฝังไว้ในกระแสหลักอย่างไม่ทราบสาเหตุ หลังจากได้รับกระแสตอบรับที่ดีในเทศกาลภาพยนตร์ต่างๆ และพยายามดิ้นรนอย่างหนักเพื่อกลับมาฉายต่อหน้าผู้ชมอีกครั้งในเวลาเกือบสามปีหลังจากนั้น ถือเป็นอาชญากรรมเพราะภาพยนตร์เรื่องนี้สุดยอดมาก บางครั้งก็เป็นหนังตลกเกี่ยวกับเพื่อน บางครั้งก็เป็นหนังตลกร้ายแบบ Re-Animator (ซึ่งฉันไม่ได้พูดเล่นนะ เป็นหนึ่งในหนังโปรดตลอดกาลของฉัน) และมักจะเป็นการครุ่นคิดอย่างเข้มข้นเกี่ยวกับธรรมชาติของการตาย อำนาจ และสัญชาตญาณพื้นฐาน

เรื่องราวเกี่ยวกับทหารบาร์ต (เดวิด แอนเดอร์ส) ที่ถูกฆ่าตายจากการซุ่มโจมตีขณะออกลาดตระเวนในอิรัก แต่แล้วเขาก็กลับมามีชีวิตและตื่นขึ้นอีกครั้งในโลงศพที่บ้านในลอสแองเจลิส เขาเดินทางกลับบ้านและไปหาเพื่อนรักที่ตกใจมาก หลังจากเริ่มต้นอย่างขบขัน เขาก็เริ่มคิดได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับบาร์ต ความต้องการเลือดของเขา (ไม่ใช่แวมไพร์ แต่เป็นนิยามที่แท้จริงของผู้กลับชาติมาเกิด) และไม่สามารถกินอาหารจริงได้นั้นมากเกินไป และด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อนที่แสนจะกวนๆ ของเขา พวกเขาจึงเริ่มหาอาหารและ/หรือหยุดยั้งผู้ร้าย (ซึ่งเขียนขึ้นโดยฟังดูไร้สาระ แต่ลองคิดดู)

เรื่องนี้คลี่คลายอย่างรวดเร็วและกลายเป็นเกมแมวไล่จับหนูทั้งกับสภาพของบาร์ตและผู้คนรอบข้างเขา และกลายเป็นการไตร่ตรองที่ใหญ่ขึ้นมากเกี่ยวกับธรรมชาติของการตายและการเกิดใหม่เมื่อเผชิญกับความโหดร้ายและความปรารถนาของมนุษย์ ด้วยงบประมาณที่จำกัด อย่าคาดหวังว่าจะมีเอฟเฟกต์ที่ฉูดฉาด แต่ให้ระวังสายตาของผู้กำกับที่รู้ดีว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ ฉากต่างๆ เช่น ฉากให้อาหารที่เบาะหลังรถ (คุณจะรู้ว่าฉันหมายถึงอะไรเมื่อคุณเห็นฉากนั้น) และฉากในร้านสะดวกซื้อนั้นสร้างขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ จนคุณลืมไปว่าคุณกำลังดูภาพยนตร์เรื่องแรกจากสิ่งที่ไม่รู้จัก นี่เป็นภาพยนตร์ที่แปลกใหม่และยอดเยี่ยมโดยสิ้นเชิง ฉันรู้สึกโชคดีที่ได้ค้นพบและสนุกกับมันมาก

เบื้องหลังหน้ากาก: การเติบโตของเลสลี เวอร์นอน (2006)
ฉันพยายามหาคำตอบว่าควรใส่อะไรไว้ในอันดับสุดท้ายของรายการนี้ เนื่องจากสิ่งที่ฉันอยากใส่ (Resolution, Spiral, Good Neighbors, Red Hill) เป็นสิ่งที่ฉันเขียนถึงไปเมื่อเร็วๆ นี้ หรือในกรณีสามกรณีหลังนี้ ไม่ใช่หนังสยองขวัญจริงๆ นั่นไม่ได้หมายความว่าหนังทั้งสองเรื่องจะลดคุณค่าของหนังลง Spiral เป็นหนังที่สร้างความหวาดกลัวอย่างล้ำลึกในแบบที่น่าแปลกใจ Good Neighbors เป็นหนังที่สร้างความหวาดกลัวในแบบที่ตลกและน่าขนลุก ส่วน Red Hill เป็นหนังแนวเอาตัวรอดที่โหดหินแบบออสเตรเลียที่โดนใจคนดู ในที่สุด ฉันตัดสินใจว่า Behind the Mask เป็นทางเลือกที่ดี เพราะฉันคิดว่าถ้าใครก็ตามที่ยังไม่ได้ดูเรื่องนี้ ฉันควรพยายามหาทางนำเสนอให้พวกเขาได้ชม

ในตอนแรกภาพยนตร์เรื่องนี้นำเสนอในรูปแบบสารคดี โดยทีมงานภาพยนตร์นักศึกษาวางแผนที่จะสร้างโปรไฟล์ของฆาตกรต่อเนื่องในชีวิตจริง (เลสลี เวอร์นอน – รับบทได้อย่างยอดเยี่ยมโดยนาธาน เบเซิล) และจะพูดถึงวิธีการ กระบวนการ เรื่องราวเบื้องหลัง และทั้งหมดนี้เพื่อพยายามเชื่อมโยงฆาตกรต่อเนื่องในชีวิตจริงเข้ากับตำนานของตำนานจอเงินและวิธีการทำงานของพวกเขา ทีมงานค่อยๆ หลงใหลในเสน่ห์ที่ดูเหมือนธรรมดาของเลสลี และถูกพาเข้าสู่โลกของเขาอย่างไร้เดียงสา เมื่อพวกเขาเข้าไปจนสุดทางแล้ว พวกเขาก็ไปถึงที่นั่นโดยเต็มใจ ช่วงแรกของภาพยนตร์เรื่องนี้ทั้งเรื่องนั้นตลกและน่าติดตามมาก (โดยเฉพาะการรับชมในฐานะแฟนหนังสยองขวัญ) จนคุณและทีมงานเริ่มลืมธรรมชาติของโปรเจ็กต์ภาพยนตร์และตัวเนื้อเรื่องไปเช่นเดียวกับพวกเขา คำอธิบายเกี่ยวกับวิธีที่ฆาตกรเอาชีวิตรอด วิธีที่พวกเขาสะกดรอยเหยื่อ วิธีที่พวกเขาทำให้ประตูปิด ทั้งหมดนี้ ล้วนมาจากหนังสยองขวัญทั่วๆ ไป ฉันพูดได้ไม่หมดว่าส่วนนี้ของหนังสนุกแค่ไหน อารมณ์ขันของมันอยู่ในกีฬาเบสบอลอย่างแน่นอน แต่ไม่เป็นไร มันทำให้แฟนๆ ของหนังแนวนี้สนุกยิ่งขึ้น

เมื่อเรื่องราวเริ่มเข้มข้นขึ้น รูปแบบจะเปลี่ยนไปและเราจะได้สัมผัสกับภาพยนตร์สยองขวัญที่คุ้นเคยมากขึ้น เรื่องนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย คือเข้ากับเนื้อเรื่อง แต่หากยังคงบรรยากาศแบบสารคดีไว้ได้ก็คงจะดีกว่านี้ ไม่ว่าคุณจะอ่านเรื่องนี้อยู่หรือไม่ก็ตาม ให้รีบแก้ไขโดยเร็ว เรื่องนี้ยอดเยี่ยมมาก เป็นภาพยนตร์ที่สร้างขึ้นด้วยใจรักสำหรับแฟนๆ แนวนี้ทุกคน โดยไม่เน้นมากเกินไปหรือภูมิใจในตัวเองมากเกินไปสำหรับความชาญฉลาดของเรื่องนี้ การปรากฏตัวของ Zelda Rubinstein (ในบทบาทนักปราชญ์) และ Robert Englund (ในบทบาทตัวละครของ Dr. Loomis) ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเช่นกัน ไปหามาชมและสนุกไปกับมันซะ เพราะนั่นคือประเด็นสำคัญใช่ไหม

10 อันดับหนังสยองขวัญเกี่ยวกับบ้านผีสิงที่ดีที่สุด

เรื่องจริงสยองขวัญเป็นประเด็นหลักในเรื่อง The Conjuring ฉันตัดสินใจจะเล่าเรื่องผีๆ สางๆ ที่เกิดขึ้นในตอนกลางคืน ผีเหล่านี้อาจเป็นผี หรืออาจเป็นบ้านผีสิงที่คนพวกนี้โกรธเพราะเหตุผลบางอย่าง เกณฑ์เดียวที่แน่นอนคือต้องเกิดขึ้นในบ้านเดียวและเหตุการณ์ต้องจำกัดอยู่ในสถานที่นั้น ผีที่ออกอาละวาด (The Grudge) ไม่จำเป็นต้องใช้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม การอยู่ในบ้านผีๆ สางๆ เหล่านี้ไม่ปลอดภัย แม้จะท้าทายก็ตาม ดังนั้น มุดผ้าห่มแล้วเปิดไฟทั้งหมด นี่คือ:

สิบอันดับภาพยนตร์เกี่ยวกับบ้านผีสิง

10. The Ghost and Mr Chicken (1966) – ภาพยนตร์ของ Don Knotts เรื่องนี้จัดอยู่ในประเภทภาพยนตร์ตลก แต่มีหลายฉากที่ทำให้ผมรู้สึกกลัวอย่างที่สุดเมื่อตอนเป็นเด็ก หากคุณไม่เคยดูหนังเรื่องนี้ ลองไปดูสิ Don Knotts เป็นแมวขี้ตกใจตัวยงและยังเป็นช่างเรียงพิมพ์ให้กับหนังสือพิมพ์ในเมืองเล็กๆ ของเขาด้วย แต่เขาใฝ่ฝันที่จะเป็นนักข่าว ดังนั้นเขาจึงถูกส่งไปที่บ้านของ Simmons เพื่อค้างคืนในสถานที่ที่เกิดการฆาตกรรม/ฆ่าตัวตายซึ่งเกิดขึ้นเมื่อ 20 ปีก่อน เขาจะค้นพบความกล้าหาญพร้อมกับไขปริศนาที่หลอกหลอนเมืองเล็กๆ แห่งนี้มายาวนาน และบางทีเขาอาจพบผีบ้างระหว่างทาง

9. This House Possessed (1981) – ภาพยนตร์ทางทีวีเรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนส่วนใหญ่คิดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเกี่ยวกับบ้านผีสิง แต่เป็นสิ่งที่อยู่ในใจฉันมากที่สุดเมื่อฉันคิดไอเดียสำหรับรายการนี้ ร็อคสตาร์ (ปาร์คเกอร์ สตีเวนสัน) ที่กำลังจะป่วยทางจิตได้รับคำสั่งให้ไปพักผ่อน เขาไม่รู้เลยว่าบ้านของเขาจะตกหลุมรักเขา และอาละวาดฆ่าคนเพื่อหยุดใครก็ตามที่ขวางทาง มันค่อนข้างจะเลี่ยนนิดหน่อยแต่ก็สนุกมาก ฉันเคยตั้งตารอที่จะดูเรื่องนี้ทางทีวีตอนดึกเมื่อก่อน

8. The Amityville Horror (1978) – ทุกคนคุ้นเคยกับภาพยนตร์เรื่องนี้ และในสายตาของฉัน ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังเป็นหนึ่งในภาพยนตร์บ้านผีสิงที่น่าขนลุกที่สุดเรื่องหนึ่ง ครอบครัวลุตซ์ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านในอุดมคติ แต่กลับพบว่ามีเหตุผลหลายประการที่ทำให้บ้านหลังนี้ขายได้ในราคาถูกมาก เหตุผลที่ทำให้ต้องตายก็เพื่อเหตุผลเหล่านี้

7. The Haunting (1963) – ภาพยนตร์เรื่องนี้ดัดแปลงจากนวนิยายยอดนิยมเรื่อง The Haunting of Hill House ของเชอร์ลีย์ แจ็คสัน โดยแสดงให้เห็นว่าปริศนาบางอย่างควรปล่อยให้ไม่คลี่คลาย และปรากฏการณ์บางอย่างควรปล่อยให้ไม่มีการสืบสวนสอบสวน ดร.มาร์คเวย์ต้องการพิสูจน์การมีอยู่ของผี แต่เขาอาจกำลังคิดทบทวนการตัดสินใจที่จะทำอย่างนั้นในบ้านหลังนี้…หากเขารอดชีวิตจากเหตุการณ์นั้นได้ ในปี 1999 มีการสร้างใหม่ที่ด้อยกว่าและไม่จำเป็น

6. The Others (2001) – ในภาพยนตร์ระทึกขวัญสุดหลอนเรื่องนี้ นิโคล คิดแมนเป็นผู้หญิงที่อาศัยอยู่ในบ้านมืดๆ กับลูกสองคนที่ไวต่อแสง เธอเริ่มเชื่อว่าบ้านของเธอมีผีสิง แต่จริงหรือไม่? และถ้าใช่ ผีเหล่านั้นคือใคร?

5. Burnt Offerings (1976) – คาเรน แบล็กและครอบครัวของเธอ (รวมถึงเบ็ตต์ เดวิสและโอลิเวอร์ รีด) เช่าบ้านพักตากอากาศซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นสถานที่ที่สมบูรณ์แบบสำหรับการพักผ่อนและผ่อนคลาย พวกเขาไม่รู้เลยว่าบ้านหลังนี้ต้องการให้พวกเขาพักผ่อนมากเพียงใด พวกเขาอาจจะรู้สึกผ่อนคลายจนแทบตายก็ได้ ภาพยนตร์เรื่องนี้เต็มไปด้วยบรรยากาศที่คุณสามารถทนได้และยังมีบางอย่างอีกด้วย อาจไม่ดำเนินเรื่องเร็วมากนัก แต่ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง นี่คือหนึ่งในภาพยนตร์เกี่ยวกับบ้านผีสิงที่ฉันชอบที่สุด

4. The Legend of Hell House (1973) – ริชาร์ด แมทธิวสันเขียนบทภาพยนตร์โดยอิงจากเรื่องราวสุดสยองขวัญของเขาเอง ทีมหนึ่งถูกส่งไปเพื่อพิสูจน์หรือหักล้างการเอาชีวิตรอดหลังความตาย คำถามเดียวคือพวกเขาจะเอาชีวิตรอดจากประสบการณ์นั้นได้หรือไม่ จากชายผู้สร้างผลงานคลาสสิกอย่าง I Am Legend และ Prey ให้กับเรา คุณจะคาดหวังอะไรได้นอกจากความยิ่งใหญ่?

3. The Changeling (1980) – จอร์จ ซี. สก็อตต์ ขุดห้องใต้ดินก่อนที่เควิน เบคอนจะขุดสนามหลังบ้านของเขาขึ้นมา เขาจึงย้ายเข้าไปอยู่ในคฤหาสน์หลังหนึ่งหลังจากภรรยาและลูกสาวของเขาเสียชีวิตก่อนวัยอันควร และพบว่าผีของเขาเองไม่ใช่ผีเพียงชนิดเดียวที่เขาต้องกังวล ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์สยองขวัญเกี่ยวกับบ้านผีสิงคลาสสิกที่แท้จริงซึ่งชวนขนลุกไปตลอดเรื่อง

2. The Shining (1980) – ออกฉายในปีเดียวกับเรื่องข้างต้น The Shining ดัดแปลงมาจากนวนิยายชื่อเดียวกันของสตีเฟน คิง ปรมาจารย์ด้านนิยายสยองขวัญ (ราวกับว่าคุณไม่รู้) แม้ว่าจะแตกต่างไปจากนวนิยายพอสมควร แต่ก็สามารถคงแนวคิดพื้นฐานที่ว่ามีสิ่งแปลกประหลาดเกิดขึ้นที่โรงแรมโอเวอร์ลุคได้ แดนนี่ ลูกชายของแจ็คและดิก ฮัลโลแรน ซึ่งเป็นพนักงานของแจ็คต่างก็มีความสามารถพิเศษในการ “ฉายแสง” เมื่อเกิดเรื่องขึ้น แดนนี่และแม่ของเขา (เชลลี ดูวัลล์ ผู้บอบบาง) ถูกบังคับให้ต่อสู้หรือหลบหนีเพื่อเอาชีวิตรอดจากผู้เขียน (แจ็ค นิโคลสัน) ที่กลายเป็นคนโรคจิตตามอำเภอใจของอาคารที่พวกเขาได้รับการว่าจ้างให้ดูแล

1. Poltergeist (1982) – โอ้ ไม่นะ “พวกมันมาแล้ว” ระหว่างพายุรุนแรง แคโรล แอนน์ตัวน้อยหายตัวไป และพ่อแม่ของเธอต้องผิดหวังเมื่อพบว่าเธอถูกวิญญาณพาตัวไปภายในบ้านของพวกเขาเอง ยิ่งไปกว่านั้น พ่อของเธอเป็นตัวแทนของผู้พัฒนาที่ “ไม่ได้ย้ายศิลาจารึก” ภาพยนตร์บ้านผีสิงคลาสสิกของโทบี้ ฮูเปอร์ให้ความรู้สึกที่แตกต่างไปจากภาพยนตร์ที่โด่งดังเรื่อง The Texas Chainsaw Massacre มาก แต่องค์ประกอบของความสยองขวัญยังคงมีชีวิตชีวาอยู่ในผลงานสร้างสรรค์ที่เป็นสัญลักษณ์อีกชิ้นนี้ Poltergeist กำหนดโทนของความสยองขวัญในยุค 80 ได้เป็นอย่างดี และยังถ่ายทอดความปรารถนาของชาวอเมริกันยัปปี้ที่ต้องการใช้ชีวิตในเขตชานเมืองอย่างฟุ่มเฟือยโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยไม่เลือกปฏิบัติในทุกที่ที่ทำได้ Poltergeist เป็นทั้งเรื่องราวเตือนใจและภาพยนตร์สยองขวัญ โดยเตือนเราว่าการขาดความเคารพสามารถก่อให้เกิดความเสียหายในภายหลังได้ โอ้ ใช่แล้ว และมันก็น่ากลัวมากทีเดียว

รางวัลชมเชย

Saturday the 14th   ใช่แล้ว หนังเรื่องนี้เป็นหนังตลกอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นการล้อเลียน แต่ไม่มีหนังเรื่องไหนเลยที่สามารถปล่อยมุขตลกใส่ผู้เช่าที่คาดไม่ถึงได้มากเท่ากับเรื่องนี้ หนังเรื่องนี้ตลกดีแต่ก็ค่อนข้างมืดหม่นด้วยเช่นกัน หนังเรื่องนี้ล้อเลียนหนังหลายเรื่อง เช่น Jaws และหนังเรื่อง Friday ที่มีชื่อคล้ายกัน ถือเป็นหนังที่แฟนพันธุ์แท้ของหนังสยองขวัญต้องดูให้ได้ ถ้าคุณไม่เข้าใจการอ้างอิงทั้งหมด คุณยังมีอะไรให้ดูอีกมาก ดูหนังบ้านเพื่อน

Monster House – ได้รับการกล่าวถึงเพราะเป็นการ์ตูนสำหรับเด็กโดยเฉพาะ หนังเรื่องนี้ยังคงมีความน่ากลัวอยู่บ้าง และถ้าคุณบังเอิญ “ตื่นตาตื่นใจ” ขณะรับชม หนังเรื่องนี้อาจทำให้ผู้ใหญ่ที่เข้มแข็งที่สุดตกใจกลัวได้เลยทีเดียว ทำได้ดีมาก

13 Ghosts (รีเมค) – แม้ว่าฉันจะชอบเอฟเฟกต์ของภาพยนตร์เรื่องนี้และเรื่องราวเบื้องหลังของผีทั้ง 13 ตัวในเรื่อง แต่ฉันก็ผิดหวังกับเรื่องราวนี้มาก และรู้สึกว่าตอนจบของภาพยนตร์เรื่องนี้ช่างน่าผิดหวัง ฉันรู้สึกว่าจำเป็นต้องพูดถึงเรื่องนี้ แม้ว่าจะพูดถึงผีเพียงเท่านั้นก็ตาม

 

รีวิว Usamimi Bouken-tan: Sekuhara Shinagara Sekai o Sukue

“Usamimi Bouken-tan: Sekuhara Shinagara Sekai o Sukue” เป็นอนิเมะที่มีธีมและแนวคิดที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งมักเน้นไปที่การผจญภัยและความตลกขบขัน โดยมีกลิ่นอายของความเซ็กซี่ นี่คือรีวิวโดยสรุป:

Usamimi bouken-tan sekuhara shinagara sekai o sukue - my-pics.duckdns.org

เนื้อเรื่อง:

เรื่องราวเกี่ยวกับกลุ่มตัวละครที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ต่าง ๆ ในโลกที่มีการป้องกันจากการประพฤติผิด ซึ่งรวมถึงการผจญภัยและการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะที่ต้องจัดการกับสถานการณ์เซ็กซี่ที่เกิดขึ้นในระหว่างทาง

ใน “Usamimi Bouken-tan: Sekuhara Shinagara Sekai o Sukue” มีตัวละครหลักหลายตัวที่น่าสนใจ โดยแต่ละตัวมีเอกลักษณ์และบทบาทที่สำคัญในเรื่อง นี่คือรายละเอียดเกี่ยวกับตัวละครหลัก:

ตัวละครหลัก:

  1. ตัวละครนำ (ชื่อเฉพาะ):
    • ลักษณะ: มักมีบุคลิกที่กล้าหาญและมีอารมณ์ขัน เขามักจะเป็นผู้นำในกลุ่มและมีแนวทางในการแก้ปัญหาที่สร้างสรรค์
    • บทบาท: เขาเป็นผู้ที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ท้าทายและนำกลุ่มในการผจญภัยเพื่อปกป้องโลก
  2. ตัวละครหญิง (ชื่อเฉพาะ):
    • ลักษณะ: มักมีลักษณะที่น่ารักและมีเสน่ห์ อาจมีความมั่นใจหรือขี้อาย ขึ้นอยู่กับบริบท
    • บทบาท: เธอเป็นส่วนสำคัญในกลุ่ม โดยมีความสามารถเฉพาะตัวในการช่วยเหลือในการผจญภัย

ตัวละครรอง:

  1. เพื่อนร่วมทีม:
    • ลักษณะ: มักมีลักษณะที่สนุกสนานและช่วยเพิ่มมิติให้กับเนื้อเรื่อง
    • บทบาท: พวกเขาช่วยเสริมสร้างบรรยากาศที่สนุกสนานและมักจะมีมุกตลกที่สร้างความบันเทิง
  2. คู่แข่งหรือศัตรู:
    • ลักษณะ: ตัวละครที่มีเสน่ห์และมีลักษณะเฉพาะตัว ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคให้กับกลุ่ม
    • บทบาท: เพิ่มความตึงเครียดในเรื่องราวและทำให้การผจญภัยมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

ตัวละครใน “Usamimi Bouken-tan: Sekuhara Shinagara Sekai o Sukue” มีการออกแบบที่น่าสนใจและช่วยเสริมสร้างเนื้อเรื่องให้มีชีวิตชีวา

“Usamimi Bouken-tan: Sekuhara Shinagara Sekai o Sukue” มีธีมและแนวคิดที่หลากหลายและน่าสนใจ โดยเน้นไปที่การผจญภัยและความตลกขบขัน นี่คือรายละเอียดเกี่ยวกับธีมหลัก:

ธีมหลัก:

  1. การผจญภัยและความกล้าหาญ:
    • เรื่องราวเกี่ยวกับการเดินทางของตัวละครในโลกที่มีการต่อสู้กับอุปสรรคและภัยคุกคาม โดยเน้นความกล้าหาญและความมุ่งมั่นในการปกป้องสิ่งที่ถูกต้อง
  2. ความสัมพันธ์และการทำงานเป็นทีม:
    • ตัวละครต้องพึ่งพาและสนับสนุนกันในกลุ่ม ซึ่งสื่อถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกันและการสร้างสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเพื่อน
  3. ความตลกขบขัน:
    • มีการใช้มุกตลกและสถานการณ์ที่ตลกเพื่อเสริมสร้างบรรยากาศที่สนุกสนาน ทำให้ผู้ชมรู้สึกผ่อนคลายและสนุกสนาน
  4. การสำรวจความรู้สึก:
    • เรื่องราวมีการสำรวจความรู้สึกที่ซับซ้อนในสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น ความรัก ความหวัง และความกลัว ซึ่งช่วยสร้างความลึกซึ้งให้กับตัวละคร

แนวคิด:

  1. การเผชิญหน้ากับความท้าทาย:
    • การต่อสู้กับอุปสรรคที่เกิดขึ้นในระหว่างการผจญภัย ทำให้ตัวละครต้องเรียนรู้และเติบโต
  2. การรักษาความยุติธรรม:
    • ตัวละครมีเป้าหมายในการปกป้องโลกจากภัยคุกคามที่เกิดจากการกระทำที่ไม่เหมาะสม ซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญของความยุติธรรม
  3. การค้นหาความหมายในชีวิต:
    • ตัวละครแต่ละตัวจะมีการค้นหาความหมายและจุดมุ่งหมายในชีวิตของตนเอง ผ่านการเผชิญกับสถานการณ์ต่าง ๆ

“Usamimi Bouken-tan: Sekuhara Shinagara Sekai o Sukue” เป็นอนิเมะที่มีธีมการผจญภัยและความสัมพันธ์ที่น่าสนใจ โดยผสมผสานความตลกขบขันและการสำรวจความรู้สึก

“Usamimi Bouken-tan: Sekuhara Shinagara Sekai o Sukue” มีการออกแบบกราฟิกที่โดดเด่นและน่าสนใจ ซึ่งช่วยเสริมสร้างบรรยากาศของเรื่องและทำให้ตัวละครมีเสน่ห์มากขึ้น นี่คือรายละเอียดเกี่ยวกับการออกแบบกราฟิกในอนิเมะ:

การออกแบบกราฟิก:

  1. การออกแบบตัวละคร:
    • ลักษณะที่น่ารัก: ตัวละครได้รับการออกแบบให้มีรูปลักษณ์ที่น่ารักและมีเสน่ห์ โดยมักมีการใช้สีสันสดใสและรายละเอียดที่ชัดเจน
    • เอกลักษณ์ที่โดดเด่น: แต่ละตัวละครมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ทำให้ผู้ชมสามารถจดจำได้ง่าย เช่น เครื่องแต่งกายและลักษณะเฉพาะ
  2. การใช้สี:
    • สีสันสดใส: การเลือกใช้สีสดใสช่วยให้เนื้อเรื่องมีชีวิตชีวา และสร้างบรรยากาศที่สนุกสนาน
    • การแสดงอารมณ์: การใช้สีสามารถสื่อถึงอารมณ์ในแต่ละฉากได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  3. การออกแบบฉากหลัง:
    • รายละเอียดที่น่าสนใจ: ฉากหลังถูกออกแบบให้มีรายละเอียดที่ชัดเจน สะท้อนถึงโลกที่ตัวละครอาศัยอยู่
    • บรรยากาศที่เข้ากับเนื้อเรื่อง: การออกแบบฉากช่วยสร้างบรรยากาศที่สนุกสนานและมีชีวิตชีวา
  4. การเคลื่อนไหว:
    • การเคลื่อนไหวที่ลื่นไหล: ฉากการเคลื่อนไหวมีความนุ่มนวล ซึ่งทำให้การดำเนินเรื่องดูเป็นธรรมชาติ
    • เอฟเฟกต์พิเศษ: การใช้เอฟเฟกต์ในการแสดงความรู้สึก เช่น แสงและเงา ช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับฉากที่สำคัญ

การออกแบบกราฟิกใน “Usamimi Bouken-tan: Sekuhara Shinagara Sekai o Sukue” มีความสวยงามและน่าดึงดูด ซึ่งช่วยเสริมสร้างบรรยากาศที่สนุกสนานและทำให้ตัวละครมีเสน่ห์

“Usamimi Bouken-tan: Sekuhara Shinagara Sekai o Sukue” มีข้อดีและข้อเสียที่ชัดเจน นี่คือสรุป:

ข้อดี:

  1. ความสนุกสนาน:
    • เรื่องราวเต็มไปด้วยมุกตลกและสถานการณ์ที่สร้างความบันเทิง ทำให้ผู้ชมรู้สึกสนุกสนานและผ่อนคลาย
  2. การออกแบบตัวละครที่น่ารัก:
    • ตัวละครมีลักษณะที่น่ารักและมีเสน่ห์ ทำให้ผู้ชมรู้สึกเชื่อมโยงกับตัวละครได้ง่าย
  3. กราฟิกที่สดใส:
    • การออกแบบกราฟิกมีสีสันสดใสและรายละเอียดที่ดี ซึ่งช่วยเสริมสร้างบรรยากาศของเรื่อง
  4. ธีมการผจญภัย:
    • การเดินทางและการเผชิญหน้ากับอุปสรรคทำให้เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ

ข้อเสีย:

  1. เนื้อหาที่อาจไม่เหมาะสม:
    • มีบางฉากที่อาจมีความเซ็กซี่หรือไม่เหมาะสำหรับผู้ชมที่ชอบเนื้อหาที่สุภาพ
  2. การดำเนินเรื่องที่อาจซ้ำซาก:
    • บางช่วงของเรื่องอาจมีการดำเนินเรื่องที่ช้า หรือมีความซ้ำซากในธีม
  3. การพัฒนาตัวละครที่ไม่ลึกซึ้ง:
    • บางตัวละครอาจมีการพัฒนาที่ไม่ชัดเจนหรือซ้ำซาก
  4. แนวคิดที่อาจไม่ใหม่:
    • ผู้ชมบางคนอาจรู้สึกว่าเนื้อหามีความคล้ายคลึงกับอนิเมะอื่น ๆ ในแนวเดียวกัน

สรุป:

“Usamimi Bouken-tan: Sekuhara Shinagara Sekai o Sukue”   เย็ดสด เป็นอนิเมะที่สนุกสนานและเต็มไปด้วยความตลกขบขัน เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบแนวการผจญภัยและความเซ็กซี่

รีวิวอนิเมะ Haramaseya The Animation (Pregnancy Officer)

“Haramaseya The Animation” หรือที่รู้จักในชื่อ “Pregnancy Officer” เป็นอนิเมะแนวผู้ใหญ่ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนและความรักในบริบทที่ค่อนข้างเสี่ยง มีการสำรวจธีมของการตั้งครรภ์และการมีเพศสัมพันธ์ในบริบทที่ไม่ปกติ

孕ませ屋THE ANIMATION #2 [中文字幕][受孕屋2 [中文字幕]]-wu galeria de obras-lifan

สรุปเนื้อเรื่อง

เรื่องราวมุ่งเน้นไปที่ตัวละครหลักที่ทำงานในหน่วยงานที่ดูแลเรื่องการตั้งครรภ์ โดยเขาได้รับมอบหมายให้ช่วยเหลือหญิงสาวในกระบวนการตั้งครรภ์และดูแลสุขภาพของพวกเธอ เรื่องราวเต็มไปด้วยสถานการณ์ที่มีความตึงเครียดและซับซ้อน ทั้งในด้านอารมณ์และความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร

มีตัวละครหลักหลายตัวที่ช่วยขับเคลื่อนเนื้อเรื่อง โดยแต่ละตัวละครมีเอกลักษณ์และบทบาทที่สำคัญในการพัฒนาเรื่องราว ดังนี้:

1. ตัวเอก (ชาย)

  • ชายหนุ่มที่ทำงานในหน่วยงานดูแลการตั้งครรภ์ เขามีความสามารถในการช่วยเหลือหญิงสาวและมีความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพในระหว่างการตั้งครรภ์ ตัวละครนี้มีความซับซ้อนในด้านอารมณ์และความสัมพันธ์ที่เขาสร้างขึ้นกับตัวละครอื่นๆ

2. หญิงสาว (หญิงหลัก)

  • หญิงสาวที่ต้องการความช่วยเหลือในการตั้งครรภ์ เธอมีลักษณะเฉพาะตัวที่ทำให้เธอดูมีเสน่ห์และน่าสนใจ และมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกับตัวเอก

3. เพื่อนสนิทของตัวเอก

  • เพื่อนที่คอยให้คำแนะนำและสนับสนุนตัวเอกในช่วงเวลาที่ยากลำบาก เขาช่วยเสริมสร้างมิติของความสัมพันธ์และให้มุมมองที่แตกต่างเกี่ยวกับความรักและความรับผิดชอบ

4. ตัวละครรอง

  • ตัวละครรองที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างบริบทและช่วยให้เนื้อเรื่องมีความหลากหลาย เช่น ครอบครัวของตัวเอกหรือหญิงสาว และเพื่อนร่วมงานที่มีมุมมองที่แตกต่าง

5. ศัตรูหรืออุปสรรค

  • ตัวละครที่เป็นอุปสรรคหรือเป็นส่วนที่ท้าทายตัวเอกและหญิงสาว ทำให้พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายและพัฒนาในด้านอารมณ์และความสัมพันธ์

รีวิว

  • เนื้อหา: อนิเมะนี้มีเนื้อหาที่ค่อนข้างตรงไปตรงมาในเรื่องของเพศและความรัก ทำให้มีความดึงดูดสำหรับผู้ชมที่สนใจในธีมนี้ แต่ก็อาจไม่เหมาะสำหรับผู้ชมทั่วไปเนื่องจากมีฉากที่ชัดเจนและมีการสำรวจความรู้สึกที่ซับซ้อน
  • การพัฒนาตัวละคร: ตัวละครมีการพัฒนาที่สามารถรับรู้ได้ แม้ว่าจะมีลักษณะที่เป็นแบบ stereotypical ในบางส่วน แต่ก็ยังมีการสร้างความสัมพันธ์ที่น่าสนใจ
  • ภาพและกราฟฟิก: การออกแบบตัวละครและฉากมีความละเอียดและน่าสนใจ ซึ่งช่วยสร้างบรรยากาศที่เหมาะสมกับเนื้อเรื่อง

“Haramaseya The Animation” หรือ “Pregnancy Officer” มีธีมและแนวคิดที่ค่อนข้างซับซ้อน โดยสามารถสรุปได้ดังนี้:

1. การสำรวจความรักและความรับผิดชอบ

  • อนิเมะนี้สำรวจความหมายของความรักในบริบทที่มีความซับซ้อน โดยเฉพาะในเรื่องของความรับผิดชอบที่เกิดขึ้นเมื่อมีการตั้งครรภ์ ตัวละครต้องเผชิญกับผลที่ตามมาจากการตัดสินใจของตนเอง

2. ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน

  • การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครมักมีความตึงเครียดและความรู้สึกที่หลากหลาย โดยสะท้อนถึงความท้าทายที่เกิดขึ้นในความรักและการเข้าใจซึ่งกันและกัน

3. การยอมรับและการเติบโต

  • ตัวละครต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด ซึ่งช่วยให้พวกเขาเรียนรู้เกี่ยวกับตัวเองและการเติบโตในด้านอารมณ์ ทั้งในด้านดีและร้าย

4. เพศและความเสี่ยง

  • อนิเมะมีการนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับเพศในรูปแบบที่ตรงไปตรงมา ทำให้มีการสำรวจความรู้สึกที่ซับซ้อนและผลกระทบที่ตามมาจากการมีเพศสัมพันธ์

5. การตั้งครรภ์

  • ธีมของการตั้งครรภ์เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสร้างความตึงเครียดและความลึกซึ้งให้กับเนื้อเรื่อง ตัวละครจะต้องจัดการกับความรู้สึกและความรับผิดชอบที่มาพร้อมกับการตั้งครรภ์

6. ความมุมานะและความท้าทาย

  • เรื่องราวมักแสดงให้เห็นถึงการต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆ ทั้งในด้านอารมณ์และความสัมพันธ์ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นที่จะทำให้สิ่งที่ดีที่สุดเกิดขึ้น

“Haramaseya The Animation” มีธีมที่ซับซ้อนและท้าทายให้ผู้ชมคิดเกี่ยวกับความรักและความรับผิดชอบในบริบทที่ไม่ธรรมดา แม้ว่าจะมีเนื้อหาที่ชัดเจน แต่ก็สามารถกระตุ้นการคิดและการพูดคุยเกี่ยวกับแง่มุมต่างๆ ของความรักและการตั้งครรภ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ.

“Haramaseya The Animation” หรือ “Pregnancy Officer” มีข้อดีและข้อเสียที่น่าสนใจ ซึ่งสามารถสรุปได้ดังนี้:

ข้อดี

  1. ธีมที่น่าสนใจ:
    • การสำรวจเรื่องราวเกี่ยวกับความรัก ความรับผิดชอบ และการตั้งครรภ์ในบริบทที่ไม่ธรรมดา ช่วยกระตุ้นให้ผู้ชมคิดและสะท้อนความรู้สึกของตัวละคร
  2. การพัฒนาตัวละคร:
    • ตัวละครมีการพัฒนาและมีความลึกซึ้ง โดยเฉพาะในด้านอารมณ์และความสัมพันธ์ ซึ่งทำให้ผู้ชมรู้สึกผูกพันกับพวกเขา
  3. ภาพกราฟฟิกที่มีคุณภาพ:
    • การออกแบบตัวละครและฉากมีความละเอียดและน่าสนใจ ช่วยเสริมสร้างบรรยากาศและอารมณ์ของเรื่อง
  4. การสำรวจความรู้สึกที่ซับซ้อน:
    • อนิเมะนี้มีการนำเสนอความรู้สึกที่หลากหลาย ทำให้ผู้ชมสามารถเข้าใจและเชื่อมโยงกับตัวละครได้ง่าย

ข้อเสีย

  1. เนื้อหาที่เฉพาะเจาะจง:
    • อาจไม่เหมาะสำหรับผู้ชมทั่วไป เนื่องจากมีฉากที่ชัดเจนและเนื้อหาทางเพศที่ค่อนข้างตรงไปตรงมา
  2. การจัดการกับสถานการณ์:
    • บางครั้งเนื้อเรื่องอาจดูเหมือนว่าจะพยายามทำให้ซับซ้อนเกินไป ซึ่งอาจทำให้ผู้ชมรู้สึกสับสน
  3. อาจมีการใช้สัญลักษณ์ที่ไม่เหมาะสม:
    • บางคนอาจรู้สึกว่าการนำเสนอเรื่องเพศและการตั้งครรภ์ในลักษณะนี้ไม่เหมาะสมหรืออาจส่งผลกระทบเชิงลบ
  4. การพัฒนาตัวละครรอง:
    • ตัวละครรองอาจไม่มีการพัฒนาที่ชัดเจน ทำให้รู้สึกว่าขาดความลึกซึ้งและความน่าสนใจ

“Haramaseya The Animation” มีข้อดีหลายด้าน แต่ก็มีข้อเสียที่ควรพิจารณา ทำให้เป็นอนิเมะที่เหมาะสำหรับผู้ชมที่เปิดรับเนื้อหาที่มีความเสี่ยงและต้องการสำรวจแง่มุมของความรักและการตั้งครรภ์ในรูปแบบที่ไม่ธรรมดา.

การออกแบบกราฟฟิกใน “Haramaseya The Animation” หรือ “Pregnancy Officer” มีลักษณะเด่นที่ช่วยสร้างบรรยากาศและอารมณ์ของเรื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้:

1. การออกแบบตัวละคร

  • ตัวละครแต่ละตัวมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งในด้านรูปลักษณ์ การแต่งกาย และการแสดงออก ซึ่งช่วยให้ผู้ชมสามารถจำและเชื่อมโยงกับตัวละครได้ง่าย

2. สีสันและแสง

  • การใช้สีที่มีความสดใสและการเล่นกับแสงช่วยสร้างอารมณ์ที่แตกต่างกันในแต่ละฉาก เช่น การใช้สีอบอุ่นในฉากที่มีความสุข และสีหม่นในฉากที่มีความตึงเครียด

3. การเคลื่อนไหว

  • การเคลื่อนไหวของตัวละครมีความนุ่มนวลและสอดคล้องกับอารมณ์ของแต่ละฉาก ทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงความมีชีวิตชีวาและสามารถเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครได้

4. ฉากหลัง

  • การออกแบบฉากหลังมีความละเอียดและสามารถสร้างบรรยากาศได้ดี โดยมักมีการใส่รายละเอียดเล็กๆ ที่ช่วยเสริมบริบทของเรื่อง

5. การใช้สัญลักษณ์

  • บางฉากมีการใช้สัญลักษณ์และภาพลวงตา เพื่อสื่อถึงอารมณ์และความรู้สึกที่ซับซ้อน ซึ่งช่วยทำให้เนื้อเรื่องมีความลึกซึ้งยิ่งขึ้น

6. กราฟฟิกและเอฟเฟกต์

  • การใช้เอฟเฟกต์กราฟฟิกช่วยเสริมสร้างอารมณ์ในฉากที่มีความตึงเครียดหรือฉากที่มีการสื่อสารทางเพศ ทำให้รู้สึกถึงความเข้มข้นและอารมณ์ที่แท้จริง

การออกแบบกราฟฟิกใน “Haramaseya The Animation” เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยทำให้อนิเมะมีเสน่ห์และสามารถดึงดูดผู้ชมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในด้านภาพและอารมณ์ที่ต้องการสื่อสาร.

โดยรวมแล้ว “Haramaseya The Animation”  เย็ดหี   เป็นอนิเมะที่เหมาะกับผู้ชมที่เปิดรับเนื้อหาที่มีความเสี่ยงและต้องการสำรวจแง่มุมของความรักและการตั้งครรภ์ในรูปแบบที่ไม่ธรรมดา.

Movie Review : Mad Max Fury Road

“Mad Max: Fury Road” เป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นสตรีนิยม Kickass ที่เรารอคอย

โย่ ดอกมุธา พวกเราหลายคนไปดู Mad Max Fury Road เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หากเรารู้ว่ามันน่าเหลือเชื่อขนาดไหน เราคงจะจัดคาราวานของเกย์สวยทั่วประเทศมารวมตัวกันและดูเป็นฝูง กลุ่มนักสตรีนิยมผู้ทรยศและเซ็กซี่ที่พร้อมจะระเบิดพลังในนามของเสรีภาพและความสามัคคี
แต่แม้กระทั่งตัวเราเอง ในบ้านเกิดของเราเอง ในโรงภาพยนตร์ที่แยกจากกัน เราก็ได้ดูและตกหลุมรักกับความอร่อยที่ชวนให้เพ้อคลั่งอย่าง Mad Max Fury Road

บทหนัง 'Furiosa' ถูกเขียนไว้ก่อนที่จะถ่ายทำ 'Mad Max : Fury Road' เสียอีก - BT beartai

นอกจากนี้ ชาร์ลิซ เธอรอน รับบทเป็น ฟูริโอซา ฮีโร่ตัวจริงของภาพยนตร์เรื่องนี้ โอเค มิโคราซอน ขอหารือ. สปอยเลอร์!
ฟูริโอซ่า แมดแม็กซ์ และภรรยาทั้งห้า

  • เมย์ บรรณาธิการทรานส์: สิ่งหนึ่งที่ฉันชอบเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้คือไม่เพียงแต่มีนางเอก Hard Butch ใน Furiosa เท่านั้น แต่ยังมี Five Wives ที่ถูกมองว่าเป็นเด็กผู้หญิงที่สวยงาม เป็นผู้หญิง และทำอะไรไม่ถูกที่ถูกหลอกล่อและเอาอกเอาใจ (แต่ยังเป็นทาสทางเพศด้วย) ยังได้มีโอกาสเฉิดฉายและมีฉากแอ็กชันเจ๋งๆ อีกด้วย ผู้หญิงทุกคนในหนังเรื่องนี้มีความสามารถ ไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่ชื่อ Capable เท่านั้น Toast the Knowing, Cheedo the Fragile, The Splendid Angharad, Capable และ The Dag (เคยมีภาพยนตร์ที่มีชื่อตัวละครเจ๋งๆ บ้างไหม???) ล้วนทำสิ่งต่างๆ ที่ช่วยให้พวกเขามีชีวิตรอดได้ ไม่มีพวกเธอคนใดเป็นหญิงสาวที่ทำอะไรไม่ถูกในยามทุกข์ยาก และอย่าลืมวูวาลินีที่ทำให้เราเป็นผู้หญิงที่มีความหลากหลายมากขึ้น มีผู้หญิงเจ๋งๆ มากมายในหนังเรื่องนี้!

ชาร์ลิซ เธอรอนแสดงบทบาทที่ท้าทายและน่าหลงใหลในบทฟูริโอซา ซึ่งนับว่าดีที่สุดนับตั้งแต่เรื่อง Monster เมื่อเธอเดินทางข้ามทะเลทรายในแท่นขุดเจาะสงครามที่อัดแน่นไปด้วยสงครามเพื่อนำหญิงสาวนางฟ้าและตัวร้ายห้าคนออกตามหาความหวัง ผู้หญิงเหล่านี้แต่ละคนรวบรวมความแข็งแกร่งและความสง่างามของตนเอง เอาชนะความกลัวและเกลียดชังผู้หญิงที่อยู่ภายใน เพื่อสร้างวิสัยทัศน์สำหรับชีวิตใหม่ แทนที่จะรวมตัวกันเป็นอดีตทาสกามที่สับเปลี่ยนกันได้ พวกเธอกลับกลายเป็นผู้หญิงห้าคนที่มีเป้าหมาย การดิ้นรน และความเชื่อมโยงระหว่างกันและตัวละครอื่นๆ เป็นของตัวเอง ฉันอยากจะดูหนังเรื่องนี้อีกครั้งและมุ่งความสนใจไปที่ประสบการณ์ของพวกเขาและปฏิกิริยาต่อความสยองขวัญที่เกิดขึ้นรอบตัวพวกเขาเท่านั้น เพราะมีเรื่องราวที่ลึกซึ้งในเรื่องราวของพวกเขา

เราใช้เวลาแบบเรียลไทม์กับตัวละครชายสองคนในภาพยนตร์เรื่องนี้เท่านั้น แม็กซ์ซึ่งการต่อสู้กับ PTSD เป็นหนึ่งในการแสดงภาพความเจ็บป่วยทางจิตที่ตรงไปตรงมาที่สุดที่ฉันเคยเห็นในภาพยนตร์ และดูเหมือนว่าจะมีความสุขอย่างยิ่งที่ได้เล่นเป็นตัวสำรองให้กับผู้บัญชาการของฟูริโอซา และนุกซ์ซึ่งการเปลี่ยนแปลงจากลูกน้องที่ไร้สติและไร้เหตุผลกลายเป็นผู้ช่วยที่ค้นพบหัวใจที่เต้นรัวผ่านความเมตตาของทาสที่ได้รับการปลดปล่อยอย่าง Capable พูดความจริงอันลึกซึ้งเกี่ยวกับการเป็นพันธมิตรและการเสียสละสิทธิพิเศษของเราเองเพื่อไล่ตามการปลดปล่อยให้เป็นอิสระสำหรับทุกคน
ชาร์ลิซ เธอรอนแบกรับน้ำหนักของการเดินทางที่เต็มไปด้วยอารมณ์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ และก็สามารถทำเช่นนั้นได้ แม้ว่าทั้งเรื่องจะเป็นการไล่ล่าด้วยรถความเร็วสูงก็ตาม Tom Hardy ในบท Max แม้ว่าจะเป็นตัวละครในชื่อเรื่อง แต่ก็ดูน่าตาดีทีเดียว ฉันชอบทอม ฮาร์ดีจริงๆ เขามีพรสวรรค์อย่างบ้าคลั่งและไม่เจ็บตาเช่นกัน แต่ฉันรู้สึกว่า Mad Max ของเขา… เก็บตัวอยู่นิดหน่อย

โอเค แต่พี่สาวน้องสาวพวกนั้น นั่นแหละที่ทำให้ฉันสับสน ในภาพยนตร์ที่มีนักแสดงนำหญิงที่แข็งแกร่งขนาดนี้ จอร์จ มิลเลอร์จะเขียนบทตัวละครประกอบที่น่าจดจำได้อย่างละเอียดถี่ถ้วนได้อย่างไร โซอี้ คราวิตซ์และแอบบีย์ ลีโดดเด่นในการต่อสู้กับหญิงสาวคนอื่นๆ ที่ตกทุกข์ได้ยากเนื่องจากมีพรสวรรค์อย่างแท้จริง แต่คนอื่นๆ ไม่ได้รับโอกาสจริงๆ นอกจากนี้ – ไม่ใช่ว่าฉันคาดหวังอะไรไปมากกว่านี้จากภาพยนตร์แอคชั่นฮอลลีวูดราคาประหยัดเรื่องใหญ่ – แต่ทำไม Zoë Kravitz ถึงเป็นคนผิวดำเพียงคนเดียวในโลกอนาคตนี้! ฉันต้องอนุมานไหมว่าเมื่อนรกแตก ผู้คนผิวสีเป็นคนแรกที่ออกไป? เพราะนั่นคือวิธีที่ฉันเข้าใจจริงๆ

Furiosa ของ Charlize Theron คือ HBIC ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ฉันยกมือขึ้นสู่จักรวาลในวินาทีที่เธอเข้าควบคุมแท่นขุดเจาะขนาดใหญ่นั้นและนำการพุ่งข้ามทะเลทราย เธอแข็งแกร่ง เหมือนแกร่งสุดๆ และฉันอยากร่วมรบกับเธอ เธอจัดการกับปิตาธิปไตย จอมวายร้าย เจ้าสัตว์ประหลาดมากเกินไป เขาเป็นคนข่มขืน เจ้าของทาส และเขาสะสมทรัพยากรธรรมชาติทั้งหมด เช่นเดียวกับซีอีโอของเนสท์เล่
และฟูริโอซาของชาร์ลิซก็พร้อมที่จะแย่งชิงอำนาจอันน่าสะพรึงกลัวหลังโลกล่มสลายของเขาและพาทาสสาวโฮมเกิร์ลไปกับเธอ และเธอก็ทำ: Furiosa ต่อสู้เหมือนแชมป์ UFC และเราได้พูดถึงว่าเธอเป็นคนพิการหรือเปล่า? ทุกคนต่างยกย่องโฮมเกิร์ลของเราที่พิการ เพราะพวกเขาทำได้และจะโคตรจะบ้าและพาเราไปสู่ดินแดนแห่งคำสัญญา ฮาเลลู.
Mad Max Fury Road: ทุกความรู้สึกที่พิเศษ

  • Mad Max: Fury Road ให้ความรู้สึกถึงการปฏิวัติ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นฉากไล่ล่าความยาว 2 ชั่วโมง พร้อมด้วยเสียงปืนและการระเบิดที่ไม่มีที่สิ้นสุด พื้นที่รกร้างว่างเปล่าไม่กี่แห่ง และแท่นขุดเจาะมหัศจรรย์ที่คนครึ่งชีวิตตีกลอง และฉีกกีตาร์เพลิงของสงคราม ภายในเครื่องประดับเหล่านี้ Mad Max เล่าเรื่องราวของสตรีผู้มีอำนาจที่ต่อสู้อย่างดุเดือดเพื่ออิสรภาพ
    โดยรวมแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้แสดงได้เยี่ยมยอด ถ่ายทำได้สวยงาม และให้คะแนนดี และอาจเป็นภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ของสตรีนิยมที่กระตือรือร้นที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมา

เมย์ บรรณาธิการทรานส์: วัวศักดิ์สิทธิ์ ฉันชอบหนังเรื่องนี้ ชอบใครจะคิดว่าแฟรนไชส์ภาพยนตร์ของ Mel Gibson จะกลายเป็นภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยมเกี่ยวกับผู้หญิงจำนวนหนึ่งที่ดูแย่ ทรงพลัง และสวยงาม แล้วยังแสดงที่แย่ ทรงพลัง และสวยงามยิ่งขึ้นไปอีก! ฉันชอบที่ในขณะที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ชื่อว่า Mad Max Max ก็เป็นตัวละครเสริม ภาพยนตร์เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างง่ายดายหากไม่มีเขา
หนังเรื่องนี้ต่อต้านปิตาธิปไตยตรงไปตรงมามาก มันน่าทึ่งมาก โครงเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องเกี่ยวกับพวกเขาที่พยายามหลบหนีหรือเอาชนะโลกแห่งความชั่วร้ายที่มีความเป็นชายมากเกินไปของ Citadel และคนที่ควบคุมมัน เป็นการต่อต้านการข่มขืน ต่อต้านการทหาร ต่อต้านเผด็จการ และสนับสนุนสตรีอย่างแข็งขัน ฉันหมายถึงว่ามันเป็นแค่ผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่ต่อสู้กับความเป็นชายที่เป็นพิษ และทำในแนวภาพยนตร์ที่ปกติสงวนไว้เพื่อเฉลิมฉลองความเป็นชายที่เป็นพิษ มันเป็นเรื่องของภรรยาเหล่านี้ที่เป็นทาสทางเพศของ Immortan Joe แต่อย่างที่ Kate Leth ชี้ให้เห็นใน Twitter จริงๆ แล้วไม่มีความรุนแรงทางเพศใดๆ ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ซึ่งค่อนข้างน่าทึ่งสำหรับภาพยนตร์แอคชั่นหลังหายนะเกี่ยวกับทาสทางเพศ .

Movie Review : LaRoy, Texas

  • บทวิจารณ์ LaRoy, Texas – เรื่องตลกเกี่ยวกับอาชญากรรมแบบ Coen-esque เป็นการเดินทางที่สนุกสนานซึ่งกระทำมากกว่าปก

Prime Video: LaRoy, Texas

  • นำเสนอของเล่นเชน แอตกินสัน นักเขียนและผู้กำกับที่เพิ่งเปิดตัว พร้อมด้วยนักวางแผนและชีวิตตกต่ำในสไตล์นีโอนัวร์นี้ โดยมีดีแลน เบเกอร์ ผู้ขโมยซีนในบทนักฆ่าผู้ก่อกวน
    สามี Sadsack, กระเป๋าเดินทางหาย, นักเต้นระบำเปลื้องผ้าจอมเจ้าเล่ห์, บทสนทนาที่สั่นคลอนกับนักฆ่าที่กลายมาเป็นทูตอภิปรัชญา ภาพยนตร์ระทึกขวัญอาชญากรรมที่มีโครงสร้างซึ่งกระทำมากกว่าปกติเรื่องนี้เข้าแถวผู้ต้องสงสัยนัวร์ทั่วไปหลายคน แต่ชอบยุ่งกับพวกเขา บ่อยครั้งที่ฉากจบลงด้วยฉากที่แยกจากกัน เช่น เมื่อจู่ๆ PI จอมอวดดีก็พบว่ารถของเขาถูกลากโดยตำรวจที่อวดดีสองคน ไม่มากเท่าไหร่ที่ผู้อยู่อาศัยในด่านหน้าของเท็กซัสติดอยู่ในวังวนที่มีอยู่อย่างไร้ความหมายของประเภทนี้ แต่พวกเขากำลังถูกเล่นตลกโดยเทพนักเล่นตลกจอมซน (ผู้กำกับเปิดตัว AKA Shane Atkinson)

ก่อนที่รถของเขาจะถูกยึด Skip the Detect (สตีฟ ซาห์น) ทำให้สามีภรรยาผู้โศกเศร้าอย่าง Ray (John Magaro) มีรูปร่างผอมเพรียว ภรรยาของเขา Stacy-Lynn (Megan Stevenson) กำลังนัดหมายกับผู้ชายอีกคนในโมเทลเป็นประจำ เรย์หมดหวังที่จะรักษาความหวานของเธอเอาไว้ เรย์ต้องหาเงินที่เธอต้องการมาสร้างร้านเสริมสวยเพื่อชีวิตที่ปวกเปียกของเธอ ดังนั้นเมื่อเขาถูกเข้าใจผิดในลานจอดรถโดยคนขี้เหนียวที่เสนอเงินสดหนึ่งถุงเพื่อเป็นการตอบแทนที่ไปไล่ล่าทนายท้องถิ่น เขาจึงมองเห็นทั้งช่องทางทางการเงินและโอกาสที่จะยืนยันว่าเขาไม่มีปัญหาอะไร ปัญหาเดียวก็คือแฮร์รี่ (ดีแลน เบเกอร์) นักฆ่าตัวจริงอยู่ที่นั่น และเขาไม่เพียงแต่หงุดหงิดกับการตกงานเท่านั้น แต่ยังมาจากโรงเรียน Anton Chigurh ในเรื่อง “การตกแต่ง” อย่างเหมาะสมด้วย
การก้าวไปสู่ม้าหมุนแห่งนักฉวยโอกาสของแอตกินสันนั้นสนุกอย่างปฏิเสธไม่ได้ เรย์ซึ่งเห็นได้ชัดว่าทำงานผิดพลาด ร่วมมือกับ Skip เพื่อค้นหาคลังเก็บของที่หายไปของทนายความ ซึ่งหมายความว่า เหนือสิ่งอื่นใดคือการล้างแค้นคู่กฎหมายของเขาและโค่นล้มเจ้าสัวรถใช้แล้วในท้องถิ่น แต่ในขณะที่นัวร์แบบดั้งเดิมมักใช้อารมณ์ขันเป็นลูกตุ้มเพื่อเหวี่ยงเรากลับไปสู่ความตกตะลึง Atkinson ก็นำเสนอมันอย่างสูงและสม่ำเสมอ บางครั้งสูงเกินไป และใกล้จะล้อเลียน ตัวอย่างเช่น สเตซี่-ลินน์ผู้น่าสะพรึงกลัว ยังคงสะสมมงกุฏราชินีงานพรอมของเธอ และหวนนึกถึงวิธีที่เธอคว้ามันไว้ด้วยการเล่น American Girl บนฟลุต
นิสัยการล้อเลียนนี้หมายถึงตัวละครในภาพยนตร์มีความลึกซึ้งยิ่งขึ้น แม้กระทั่งสเตซี่-ลินน์ก็ทำได้ อย่าเกิดขึ้นจนดึกมาก ในขณะที่นักขโมยฉากอย่างเบเกอร์ถูกทิ้งไว้ที่แขนขาเล็กน้อย ในขณะที่เขาสลับระหว่างความสุภาพอ่อนโยนและยืนกรานอย่างไม่ต้องใช้ความพยายาม ด้วยริมฝีปากที่เปรี้ยวอมหวานของเขา ถือเป็นเครื่องเตือนใจว่าเขาไม่ได้เห็นเขาในภาพยนตร์สารคดีบ่อยเพียงพอในช่วงไม่กี่ปีมานี้

  • “LaRoy, Texas” จะทดสอบความคาดหวังของคุณทันที ขับรถไปตามถนนในชนบทอันมืดมิด แฮร์รี่ (ดีแลน เบเกอร์) ซึ่งไฟหน้ารถเป็นสัญญาณเดียวของชีวิตท่ามกลางสภาพอากาศที่แห้งแล้ง ได้ขับผ่านรถบรรทุกที่พังซึ่งจอดอยู่บนถนน ไม่กี่หลาต่อมา แฮร์รี่มองเห็นผู้ที่อาจเป็นคนขับยานพาหนะที่ถูกทิ้งคันนี้ และอุ้มวิญญาณที่ติดอยู่ ผู้สัญจรไปโดยสัญจรมีเคราและมีลางสังหรณ์ ซึ่งดูเหมือนเป็นจุดเริ่มต้นของความลึกลับเกี่ยวกับอาชญากรรมที่แท้จริง เบเกอร์เป็นตัวเลือกที่อยากรู้อยากเห็นสำหรับบทบาทนี้ นักแสดงที่โด่งดังพอๆ กันในการแสดงภาพคนโง่ที่โชคร้ายและผู้กดดินสอที่ไร้วิญญาณ ที่นี่เขามีส่วนร่วมในการสนทนาที่ร่าเริง นักโบกรถลึกลับพูดตลกครึ่งใจเกี่ยวกับอันตรายจากการไปรับคนแปลกหน้า แฮร์รี่ดูเหมือนเป็นคนเมืองเล็กๆ ที่ไร้เดียงสา และหันเหความสนใจของคนแปลกหน้าอย่างสบายๆ จนต้องพลิกโต๊ะ แฮร์รี่อาจถามว่า เขาจงใจทำให้รถของผู้โบกรถเสียหายที่จุดพักก่อนหน้าเพื่อที่เขาจะได้มารับเขาขึ้นมาได้
    มันเป็นกลอุบายอันชาญฉลาดของฉากเปิดเรื่องโดยนักเขียน/ผู้กำกับ เชน แอตกินสัน แฮร์รี่เป็นนักฆ่า และเมื่อเขาส่งเหยื่อรายแรกไป—หนึ่งในรายชื่อจำนวนมาก—เขาก็ถูกเรียกไปทำงานอื่น อันนี้ในเมืองพุ่มไม้เล็ก ๆ ของ LaRoy รัฐเท็กซัส การเปิดตัวภาพยนตร์สุดฮาของแอตกินสันเป็นการเล่าเรื่องระทึกขวัญแนวตะวันตกที่เจ้าของโรงนาได้รับแรงบันดาลใจจากโคเอน บราเธอร์ส ซึ่งมอบชีวิตให้กับตัวละครเอกผู้อ่อนโยน

อีกอย่าง พระเอกไม่ใช่แฮรี่ ฉันชื่อเรย์ (จอห์น มากาโรผู้ส่งผลกระทบอย่างเงียบๆ) ชาวเมืองลารอย รัฐเท็กซัส ในช่วงต้นของเรื่อง เรย์ได้พบกับสคิป (สตีฟ ซาห์น ผู้เป็นที่รัก) ซึ่งเพิ่งเริ่มทำงานเป็นนักสืบเอกชน Skip เป็นคนงี่เง่าและใจดี เขาแต่งตัวด้วยหมวกคาวบอยสีดำและเสื้อเบลเซอร์ อาจเป็นเพราะเขาดูตอน “Walker, Texas Ranger” มากเกินไป แต่เขามีข้อมูลสำคัญ นั่นคือรูปถ่ายขาวดำของสเตซี่-ลินน์ (เมแกน สตีเวนสัน) ภรรยาสาวงามของเรย์ที่กำลังก้าวเข้าไปในห้องโมเทลซอมซ่อ การเปิดเผยดังกล่าวบังคับให้เรย์ที่ตกตะลึงต้องเอาใจสเตซี่-ลินน์ผู้เรียกร้องด้วยการเติมเต็มความฝันของเธอ เขาต้องการหาทุนให้ร้านเสริมสวย—เขาแค่ต้องหาเงินสด
เรย์เป็นคนที่ไว้วางใจมากเกินไป ประการแรกเขาไม่เชื่อว่าสเตซี่-ลินน์จะนอกใจเขาได้ ที่แย่ที่สุดคือเมื่อเขาหันไปหาจูเนียร์ (แมทธิว เดล เนโกร) น้องชายจอมเจ้าเล่ห์ซึ่งเป็นเจ้าของร้านฮาร์ดแวร์ของครอบครัวร่วมกับเรย์ด้วยเงินพิเศษ เขาซื้อเสียงร้องแห่งความยากจนของจูเนียร์ แม้ว่าน้องชายของเขาจะซื้อเรือยอทช์ใหม่สำหรับบ้านอันโอ่อ่าของเขาก็ตาม เรย์น่าสงสารมากจนซื้อปืนมาเพื่อจะได้ยิงตัวเองในลานจอดรถของร้านเปลื้องผ้า อย่างไรก็ตาม โดยบังเอิญ มีชายคนหนึ่งกระโดดขึ้นรถพร้อมซองเงินสดเพื่อชำระค่าเสียหายตามกำหนด ในที่สุดเรย์ก็อยากที่จะเป็นใครสักคน และรับบทเป็นแฮร์รี่ เขาลอบสังหารเป้าหมาย จากนั้นก็ถูกโยนเข้าสู่แผนการสมรู้ร่วมคิดที่เกี่ยวข้องกับพนักงานขายรถมือสอง จากนั้นต้องเอาเงินสดเต็มกระเป๋าก่อนที่แฮร์รี่จะตามล่าเขา ทั้งหมดนี้ในขณะเดียวกันก็พยายามกอบกู้ชีวิตสมรสของเขา

  • “LaRoy, Texas” เป็นเรื่องราวที่ซับซ้อนซึ่งความซับซ้อนที่ไม่จำเป็นไม่ได้รับความช่วยเหลือจากความโง่เขลาอันเหลือเชื่อของ Ray ระหว่างการไม่เชื่อมโยงจุดที่เห็นได้ชัดของการนอกใจของภรรยาของเขากับการเชื่อว่าร้านเสริมสวยจะทำให้ทุกอย่างโอเค ตัวละครจะกระโดดฉลามจนกลายเป็นคนจืดจางอย่างหงุดหงิด จนถึงจุดที่คุณพร้อมที่จะสังหารเขาเช่นกัน โชคดีที่ Magaro นั้นยอดเยี่ยมมาก ดังนั้นคุณสามารถเล่นผู้แพ้ที่มีช่องโหว่ได้อย่างสบายๆ จนคุณต้องมองข้ามข้อบกพร่องของงานเขียน สิ่งเดียวกันอาจกล่าวได้เกี่ยวกับเคมีระหว่างมากาโรและซาห์น นี่คือภาพยนตร์ที่ขับเคลื่อนด้วยมิตรภาพชายที่ไม่ระวังตัวของพวกเขา เรื่องหนึ่งมีความล้มเหลวร้ายแรงสองครั้งที่ต้องการใครสักคนที่จะรับรู้ถึงความหลงใหล ความปรารถนา พรสวรรค์ และความเป็นตัวตนของพวกเขา พวกเขาพบกระจกที่คู่ควรและเคลื่อนไหวได้ในตัวกันและกัน

ภาพยนตร์เรื่องนี้มีชีวิตชีวายิ่งขึ้นด้วยความรุนแรงอันไร้สาระ (ไม่ต่างจาก “Fargo”) และความสนใจในตัวผู้ชายที่ถูกครอบงำด้วยความชั่วร้ายอันแสนสาหัสที่ซุ่มซ่อนอยู่บริเวณโค้ง (ไม่ต่างจาก “No Country for Old Men”) ภูมิประเทศอันมืดมิดอันกว้างใหญ่และรูในกำแพงที่พังทลายคือฉากความทุกข์ยากของเรย์ เฉดสีฟลูออเรสเซนต์ที่เยือกเย็นจะแต่งแต้มสีสันให้กับผู้คนแปลกหน้าในพื้นที่ห่างไกลของพวกเขา เป็นพื้นผิวภายนอกที่บ่งบอกถึงความทุกข์ทรมานภายในชีวิตสมรสที่เรย์รู้สึก เรายังคงยึดมั่นต่อคำสัญญาเรื่องการแต่งงานได้อย่างไร? อะไรคือขีดจำกัดของความภักดีของคู่สมรส?

ต้องใช้เวลามากเกินความจำเป็นเพื่อให้ได้คำตอบที่ฉุนเฉียวสำหรับคำถามเหล่านั้น แต่ฉากสุดท้ายที่สง่างามระหว่างแฮร์รี่กับเรย์ โดยที่เรย์ตัดสินใจที่จะให้เกียรติมิตรภาพของเขากับสคิป ขณะเดียวกันก็ยืนหยัดเพื่อตัวเองในที่สุด ทิ้งรสชาติอันขมขื่นอันเจ็บปวดเอาไว้ แอตกินสันจับคู่ฉากเศร้าโศกกับเพลงคัฟเวอร์เพลงคันทรีบัลลาด “Cowpoke” ของโคลเตอร์ วอลล์ แน่นอนว่าการผสมผสานอารมณ์ต่างๆ เข้าด้วยกันทำให้ “LaRoy, Texas” เป็นการเดินทางที่มีโทนเสียงที่แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่หลงใหลกับผู้คนที่อาศัยอยู่อย่างน่านับถือ ซึ่งเป็นลางดีสำหรับเรื่องราวที่อิสระเสรีใดๆ ที่แอตกินสันหวังว่าจะบอกเล่าต่อไป

Movie Review : Monkey Man

“ทุกวัน ฉันสวดภาวนาเพื่อหาวิธีปกป้องผู้อ่อนแอ”

Monkey Man - Official Trailer (Universal)

  • หนุมาน เทพลิง เป็นเทพในศาสนาฮินดูโบราณซึ่งมีตำนานเกี่ยวกับความกล้าหาญ ความแข็งแกร่ง สติปัญญา ความรัก และความเมตตาต่อผู้ด้อยโอกาส บางครั้งวิญญาณของเขาก็แสดงออกมาในรูปแบบกึ่งเทพเหมือนลิง สิ่งสำคัญคือแรงผลักดันให้นักแสดงที่ผันตัวมาเป็นมือเขียนบท/ผู้กำกับ เดฟ พาเทล (Slumdog Millionaire) ในภาคแรกน่าประทับใจและเคลื่อนไหวได้ดีมาก เรื่องราวการแก้แค้นอันโลดโผน

ฉากเปิดเรื่องในเมืองแห่งหนึ่งในอินเดียบรรยายถึงชมรมต่อสู้ใต้ดินอันธพาล พาเทลซึ่งร่วมงานกับผู้กำกับภาพชาโรน เมียร์ เลื่อนกล้องไปรอบๆ ด้านล่างของเวทีมวยเพื่อดึงคุณเข้าสู่ความเป็นกรันจ์ การแก้ไขอย่างรวดเร็ว (Joe Galdo, Dávid Jancsó, Tim Murrell) เผยให้เห็นภาพสั้นๆ ของผู้ชมที่โกรธเคือง ดนตรีประกอบที่เร้าใจ (Jed Kurzel) และเพลย์ลิสต์ที่ชั่วร้ายทำให้การดำเนินคดีเป็นไปด้วยเฉดสีมัสตาร์ดเข้มที่แทรกซึมอยู่ในห้อง (ผู้กำกับศิลป์ Ahmad Zulkarnaen) สิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ไม่ควรดำเนินต่อไป

  • ภายในสังเวียน นักสู้ศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานที่มีระดับต่ำสุด เตะ ต่อย และบอดี้สแลม ไทเกอร์ (ชาร์ลโต คอปลีย์) ผู้ประกาศเวทีสีขาว ตะโกนชื่อนักสู้ให้ใบหน้าสีน้ำตาลทุกคนฟัง ส่วนใหญ่จะจำนักสู้คนแรกไม่ได้ แต่พวกเขาไม่ควรพลาดอันที่สอง เขาสวมหน้ากากกอริลลา กำลังถูกกำแพงและแหลกสลาย ฝูงชนต่างบ้าคลั่งในขณะที่เขาเผชิญหน้ากับต้นไม้บนเสื่อ หลังประตูที่ปิดสนิท มันเป็นเรื่องหลอกลวง นักสู้ที่พังทลายมีชื่อเล่นว่า Monkey Man แต่ชื่อจริงของเขาคือ Kid (Patel) เขาถูกจ่ายให้ถูกทุบตีจนแหลกสลาย จ่ายให้ขาดทุน..

ฉากที่น่าสนใจนี้แสดงให้เห็นชีวิตรางน้ำของตัวละครเอก แต่มันเป็นเบื้องหน้า คิดกำลังทำภารกิจ และเป็นเวลานานที่สุดที่บทที่คล่องแคล่วของปาเทล, พอล อังกูนาเวลา และจอห์น คอลลี (โรงแรมมุมไบ) ไม่ได้เปิดเผยว่าเพราะเหตุใด เขาตัดสินใจทำงานที่ Kings Club สุดพิเศษ ไนท์คลับ/โสเภณีหรูหราที่บริหารโดย Queenie (Ashwini Kalsekar) ผู้โหดเหี้ยม เธอเตือนชายหนุ่มผู้บุกรุกซึ่งเป็นคนล้างจานคนใหม่ของเธอว่า “ใครก็ตามที่พูดนอกสถานที่นี้ มันจะไม่ดีสำหรับพวกเขา” การทำความสะอาดจานไม่ใช่เป้าหมายของคิด เมื่อเขาผูกมิตรกับอัลฟอนโซ (ปิโตบาช) ตัวเตี้ยที่ขี้ขาด และจีบกับสิตา (โสภิตา ดูลิปาลา) เพื่อนเที่ยวที่เป็นที่ต้องการตัว เขามุ่งความสนใจไปที่ผู้อุปถัมภ์ หัวหน้าตำรวจทุจริต รานา (สิกันดาร์ เคอร์) ผู้สนับสนุนบาบา ชัคตี (มาการองด์ เดชปันเด) ผู้สมัครพรรคชาตินิยมที่ตกเป็นเหยื่อของคนยากจน ทำไม ทำไม Kid ถึงถูกตามล่า?

ในฐานะผู้กำกับ โดยได้รับความช่วยเหลืออย่างมากจากนักออกแบบท่าเต้นต่อสู้ บราฮิม ชาบ พาเทลมีสไตล์ที่คล้ายกับผู้กำกับที่เก่งกาจ แชด สตาเฮลสกี้ (จอห์น วิค: บทที่ 4) ฉากการต่อสู้นั้นน่าตื่นเต้น บัลเลต์ และรุนแรงอย่างน่าสยดสยอง แต่ธีมของผู้กำกับคนนี้คือการแก้แค้นอย่างชอบธรรมต่อผู้ที่ทำผิดหลายๆ คน ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้แตกต่างออกไป เพิ่มเรื่องราวเบื้องหลังทางอารมณ์อันลึกซึ้งของคิดที่ถูกทรมานและบอบช้ำจากการตายของแม่ของเขา (อดิธี คัลคุนเต) และความลึกซึ้งของตัวละครหลักนั้นเกินกว่าความลึกซึ้งของฮีโร่แอ็คชั่นทั่วไป วางแผนย่อยเกี่ยวกับผู้กอบกู้ที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ ชนเผ่าเพศที่สามลึกลับที่รู้จักกันในชื่อฮิจรา ซึ่งบริหารงานโดยอัลฟ่า (วิปิน ชาร์มา) และการวางแผนเชิงนวัตกรรมที่ทำให้คุณเวียนหัว อัลฟ่าผู้เคร่งศาสนาพยายามช่วยคิดแบ่งเบาภาระ: “เสียงในหัวของคุณเหรอ?” เด็ก: “แค่อันเดียว มันกรีดร้องมาทั้งชีวิตของฉัน!”

มีหลายสิ่งหลายอย่างที่น่าประหลาดใจ การต่อสู้ องค์ประกอบนอกโลก ความโรแมนติก ตัวละครที่ผสมผสาน ฉากไล่ล่าอันบ้าคลั่งกับคิดและอัลฟอนโซที่ถูกตำรวจและผู้ร้ายไล่ตาม ลัดเลาะไปตามถนนและตรอกซอกซอยด้านหลังด้วยรถลากเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จที่มีชื่อเรียกขานว่า Nicki (ตามหลัง Nicki Minaj กันชนใหญ่ ไฟหน้าสวย) อุปกรณ์พล็อตเรื่องหน้าด้านนี้เป็นสัญลักษณ์ของธรรมชาติเชิงสร้างสรรค์ของผู้สร้างภาพยนตร์ โมเมนตัมไปข้างหน้าอย่างมั่นคงลดลงในสองฉากเท่านั้น: 1.) เมื่อเรื่องราวเบื้องหลังของคิดถูกเปิดเผย 2.) การแข่งขันคัมแบ็กของเด็ก มีการตัดสินใจที่ชาญฉลาดมากมาย เกิดขึ้นเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น เช่น ถ้าคิดถูกต่อยด้วยเลือดอย่างไร้ปราณีในเวลากลางคืน ทำไมวันรุ่งขึ้นใบหน้าของเขาจึงไม่สะท้อนรอยฟกช้ำและบาดแผล?

นักแสดงทุกคนเก่งมาก ราชินีผู้ชั่วร้ายผู้ชั่วร้ายได้รับประโยชน์จากการเยาะเย้ยอันน่าข่มขู่ของคัลเซการ์ แนวทางของ Kher ต่อศัตรูที่ถูกตามล่าโดยเด็กที่กลายเป็นผู้ชายนั้นมีความละเอียดอ่อนกว่ามากและเป็นอันตรายถึงชีวิตถึงสองเท่า Pitobash นำเสนอการ์ตูนที่น่าดึงดูด การตีความอัลฟ่าแบบพ่อด้วยความเคารพของ Vipin Sharma นั้นซาบซึ้งเกินคำบรรยาย และพาเทลได้เติบโตอย่างน่าอัศจรรย์จากนักแสดงตลกที่เป็นธรรมชาติ ดราม่า และกลายเป็นคนบ้าระห่ำ เป็นการแสดงที่แข็งแกร่ง เท่ และว่องไวจนพาเทลสามารถเป็นเจมส์ บอนด์คนต่อไปได้ หรือบางทีเขาอาจจะเดินตามรอยของ Takeshi “Beat” Kitano นักแสดงตลก/นักแสดงที่ผันตัวมาเป็นผู้กำกับ ผู้ค้นพบเส้นทางสู่ภาพยนตร์อาชญากรรมยากูซ่าของเขา ทุกอย่างเป็นไปได้ เนื่องจาก Monkey Man เป็นหนึ่งในเทปออดิชั่นนรก

  • ความรุนแรงที่เกินเลยไม่ค่อยจะสนุกเท่านี้ ผู้กำกับมือใหม่ไม่ค่อยมีฝีมือขนาดนี้ ตัวละครและธีมที่มีผู้นำที่ไม่เหมาะสมต้องรับผิดชอบต่อการกระทำผิดของพวกเขา ทำให้อุปมาอินเดียเรื่องนี้โดดเด่นในทุกระดับ พลังงานอะดรีนาลีนมีจริง ความหลงใหลผสมผสานทุกสิ่ง แฟนแอคชั่นจะต้องตื่นตาตื่นใจและผู้ชมที่เป็นผู้ใหญ่ก็จะได้รับพลังอันมหาศาลเช่นกัน

เรื่องราวแห่งความพยาบาท ผันผวนและคาดเดาไม่ได้ ทหารคนเดียวที่เข้าร่วมโดยกองทัพผู้ช่วยชีวิตที่ไม่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดต้องออกมานองเลือด ได้รับการเตือน. ผู้ทำความชั่วต้องเผชิญกับความโกรธเกรี้ยวของหนุมาน ความโกรธที่รวบรวมไว้ในรูปแบบทางโลก คราวนี้เป็นเด็กสวมหน้ากากลิง