นั่งๆ อยู่ก็เหมือนมีเสียงพระสวดลอยมา ฝ่ายพ่อก็รีบลุกขึ้นทันที เกาะแขนรูปแล้วรีบเดินตามเสียงสวดนั้นไป แค่ได้ยินเสียงพระสวดแกก็รู้แล้วว่านี่ไม่ใช่เสียงพระจริงๆ อยู่กลางป่าแบบนี้พระที่ไหนจะมาสวด…
และสำหรับสัปดาห์นี้นะครับ มีน้องคนนึงได้ส่งเรื่องมานะครับ ซึ่งเรื่องที่ผมจะเล่าในวันนี้เนี่ย เป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าสนใจมากครับ ไม่ใช่เรื่องที่อยู่ในต่างประเทศ และไม่ใช่เรื่องแต่ง น้องเขาบอกมาว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในประเทศไทย ที่เหมือนเมืองพัทลุง ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อบนป่า บนเขาหรือที่เราเรียกกัน เจ้าป่าเจ้าเขานั่นเองครับ ซึ่งวันนี้เดี๋ยวเราจะมาลองอ่านเรื่องนี้พร้อมๆ กัน ว่าเรื่องจะน่ากลัวมากแค่ไหนไปรับชมกันได้เลยครับ โอเคครับเรื่องราวนี้นะครับตามที่น้องคนนึงเขาได้แชร์มา มาจากเว็บ Pantip นะครับผมโดยสำหรับเรื่องของเจ้าป่าเจ้าเขาหรือว่าเรื่องราวที่เราด่าในวันนี้ทางเจ้าของโพสต์เขาได้บอกว่าผู้เล่าเรื่องนี้เป็นคนใต้โดยกำเนิดหากมีผู้ใดไม่เข้าใจภาษาใต้กรุณาใช้ความเข้าใจและพิจารณาในความหมายด้วยครับอนึ่งว่าการเล่าเรื่องนี้เป็นการฟังมาจากปู่ย่าตายายแล้วนำมาสืบต่อทานควรใช้พิจารณาจักรยานอยุธยาในการอ่าน แล้วสิ่งใดที่อ่านแล้วอาจดูโอเวอร์ก็โปรดอย่ากระแนะกระแหน จองเวรซึ่งกันและกันเลยอันนี้เป็นคำเตือนก่อนเริ่มเรื่องเลยนะครับ
เขาบอกว่าสวัสดีค่ะดิฉันชื่อเด็กหญิงหงส์ชนกอายุ 20 กว่าๆ เป็นชาวพัทลุงโดยกำเนิด วันนี้ดิฉันขอนำเรื่องราวที่ดิฉันได้รับฟังมาจากปู่ย่าตายาย ประจวบเหมาะกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงกับคนในครอบครัว แล้วคนรอบข้าง มาเล่าสู่กันฟังค่ะ ความลึกรักความหน้าสยอง Siri ฉันอยากลองเข้าไปสัมผัสด้วยตัวเอง แต่ก็ไม่ได้รับอนุญาต จากผู้เป็นบิดามารดา จึงได้แต่รับฟังมาจากบรรพบุรุษปู่ย่าตายาย และถ่ายทอดลงในเว็บไซต์พันทิปเท่านั้น โดยเรื่องนี้มันมีอยู่ว่า ในช่วงมหาลัยปิดเทอม ที่ผ่านมาที่ฉันนั้นต้องการที่จะพักผ่อน จึงได้เดินทางกลับบ้านที่พัทลุง ฉันได้ขออนุญาตพ่อแม่แล้วด้วยขอไปพักที่บ้านตายาย บ้านตายายฉันมีอาณาเขตติดกับภูเขา กับป่าก็คือเทือกเขาบรรทัดนั่นแหละ ที่กั้นระหว่างจังหวัดพัทลุงกับจังหวัดตรังนั่นเอง มาตราบ้านยายของดิฉันค่อนข้างที่จะร่มรื่นมาก อยู่ไม่ไกลจากน้ำตกเหรียญทอง เต็มไปด้วยสวนมังคุดทุเรียนเงาะลองกอง สวนยางสวนกล้วย ดิฉันนั้นได้ใช้เวลาพักผ่อนช่วงปิดเทอมที่บ้านพักของตากับยายนั่นเอง ในช่วง 2 วันแรกที่ได้กลับไปนั้น ไม่ได้มีอะไรมากมายไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้นอีกด้วย แต่พอเริ่มเข้าวันที่ 3 หลังจากที่ดิฉันตายายแล้วหลานสาวอีกคนของตา ที่กำลังเรียนอยู่มัธยม กินข้าวเย็นกันเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็มานั่งคุยกันที่ฉันเดินหน้าบ้าน ซึ่งจะเป็นแบบนี้ในทุกๆวันเลย ขณะที่เรากำลังนั่งคุยกันตามประสา หลานกับตาอยู่นั้น อยู่ก็มีคนขับรถมอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดที่หน้าบ้าน พร้อมกับส่งเสียงเรียกคุณตาว่า ประโยชน์ประโยชน์ช่วยผมที ซึ่งประโยชน์ก็คือชื่อของคุณตาของฉัน โดยประโยชน์ก็ตอบกลับไปว่าช่วยอะไร โดยคนที่เข้ามาจอดรถมอเตอร์ไซค์ก็ได้ตอบไลน์อดว่า พ่อผมกับน้องชายเข้าไปในป่า ไปล่าสัตว์ ตั้งแต่เมื่อช่วงเที่ยงตอนนี้2ทุ่ม แล้ว ยังไม่กลับออกมาเลย ซึ่งตาหยดเขาก็ได้ตอบกลับไปว่า ไปปรึกษาผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งชายคนนั้นก็ตอบกลับตาหยดมาว่าไปบอกผู้ใหญ่มาแล้ว ผู้ใหญ่บ้านเขาให้ผมมาหาตาให้มาบอกตาให้ไปช่วยผมตามหาพ่อกับน้องชาย ผู้ชายคนนั้นพูดจบตาก็หันมาพูดกับฉันว่าให้ปิดบ้านขึ้นนอนเลยไม่ต้องรอไม่ต้องเป็นห่วง แล้วตากก็ลุกเดินเข้าห้องไปก่อนที่จะเดินสะพายย่ามออกมา แล้วตาก็ขึ้นไปซ้อนรถมอเตอร์ไซค์ของชายคนนั้น และได้ออกไปในความมืดนั่นเอง
ซึ่งตรงนี้จะให้ดิฉันเดานะ คงมีคนสูญหายในป่า ในเทือกเขาบรรทัดแน่ๆ แล้วคุณตาเองก็คงจะเป็นคนเซียนป่า ในบริเวณนี้รู้ทุกซอกทุกมุม เลยถูกตามตัวไปช่วยฉันอยากได้ยืนดูจนคุณตารับหายไปในความมืด ก่อนที่เสียงของยายจะทักขึ้นมาว่า นุ้ยง่วงแล้วหรือยังจะนอนหรือจะดูโทรทัศน์ต่อ ฉันเลยย้อนถามกับยายไปว่าตาไปไหนหรือยายดึกดื่นป่านนี้แล้ว ยายก็ตอบฉันกลับประมาณว่าน่าจะมีคนหลงป่านั่นแหละ เลยมีคนมาตามตาเข้าไปช่วย เพราะตาของหลานเป็นคนที่เซียนพื้นที่ป่าในบริเวณนี้เป็นอย่างดี แต่ฉันก็ยังงงเลยถามคุณยายไปเหมือนเดิมว่า ให้กรมป่าไม้หรือตำรวจมาช่วยไม่ดีกว่าเหรอ จะเอากรมป่าไม้หรือตำรวจมาช่วยก็ไม่พ้นต้องมาตามตาไปช่วยอยู่ดี แล้วหลังจากสิ้นสุดบทสนทนานี้ คุณยายก็ได้เดินปุบหายเข้าไปในห้องอย่างสบายใจ ซึ่งคุณยายดูไม่เป็นทุกข์ไม่เป็นร้อนอะไรเลย ทั้งๆที่ตาออกไปในช่วงเวลากลางค่ำกลางคืนดึกดื่น แล้วในป่าในเขาเวลาแบบนี้ก็มีสิทธิ์ที่จะหลงทางได้แม้จะเป็นเซียนก็ตาม ซึ่งฉันก็ทำอะไรไม่ได้ก็เลยตัดสินใจ กลับไปนอนดูโทรทัศน์กับลูกพี่ลูกน้อง ยอมเก็บความอยากรู้อยากเห็นเอาไว้ถามตาในพรุ่งนี้เช้าดีกว่า
ในเวลาต่อมาเช้ารุ่งขึ้น ฉันได้ทำธุระส่วนตัวเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เจอตานั่งรับมีดเล็กๆอยู่ ตรงปลายมีดนั้นคงสวยงาม ถูกสลักด้วยลายแปลกๆแต่พอลองมองดีๆแล้ว มันช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน ฉันเลยเดินเข้าไปหาตานั่งใกล้ๆ เมื่อคุณตาเห็นฉันก็เงยหน้าขึ้นมามองแล้วยิ้มให้ฉันยังทุกที ปลายมีดเล่มบางๆถูกกับหินดังเจี๊ยบๆเจี๊ยบ มันบาดหูแต่ก็กลับเพราะพริ้งมาก ตัวฉันเองที่สงสัยเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ก็ตัดสินใจถามคุณตาออกไปว่า คุณตาคะเมื่อคืนคุณตาออกไปไหนมา คุณตาก็ตอบฉันมาว่ามีคนขึ้นป่าไปแล้ว แล้วไม่สามารถลงมาได้ ตาก็เลยไปช่วยเขาลงมา ด้วยความอยากรู้ฉันก็เลยถามตามไปว่าแล้วใครล่ะจะขึ้นไปแล้วตอนนี้ลงมาได้หรือยัง แต่ก็ตอบฉันกลับว่าเจอแล้วพากันที่ตัวลงมา ซักช่วงเที่ยงคืนนั่นแหละ ซึ่งฉันก็ยังคงงงอยู่ก็เลยถามกลับไปว่า แล้วทำไมชาวบ้านถึงไปหลงได้ล่ะ ชาวบ้านเขาก็อาศัยอยู่ในละแวกนี้ไม่ใช่หรอก็น่าจะมีความคุ้นชินกับป่าเหมือนกับตา คุณตาก็ตอบฉันกลับด้วยหน้าตาเคร่งเครียดพอสมควรว่า เรื่องบางเรื่องมันก็พูดยากนะนุ้ยเชื่อเรื่องลี้ลับในป่าในเขาไหมล่ะ ฉันก็งงหนักแล้วตอบคุณตากลับไปว่า โดยไม่รู้เหมือนกันค่ะหนูไม่เคยเข้าไปในป่า คุณตาเล่าให้หนูฟังได้ไหมคะ โดยคุณตาก็ได้เริ่มเล่าเรื่องลี้ลับให้ฉันฟัง สองคนพ่อลูกที่หายเข้าไปในป่าหลงทางออกมาไม่ได้ก็เป็นชาวบ้านในพื้นที่ที่หากินกับของป่านั่นแหละ สืบทอดมาจากบรรพบุรุษคนศรีบรรพตก็หากินหาล่าสัตว์ป่ามาแลกข้าวแลกปลากินนี่แหละ ทีนี้ถ้าเราเดินเข้าป่าถ้าเราเข้าไปเที่ยวเล่นก็ไม่เท่าไหร่ แค่รู้ทางก็เดินไปชิวๆ แต่ประเภทเอาที่เข้าไปหากินยิงสัตว์ป่าเอาพืชลงมา ต้องทำพิธีบอกกล่าวขอขมาเจ้าป่าเจ้าเขา หรือไม่ไปลบหลู่หรือท้าทายอะไรก็แล้วแต่ เพราะพวกเราเชื่อกันมาเสมอว่าในป่าแห่งนี้นั้น ล้วนมีเจ้าข้าวเจ้าของ และมีผู้ปกครองพื้นที่ป่าแห่งนี้อยู่ ฉะนั้นเวลาเราเข้าป่า ไปทำอะไรก็แล้วแต่ เราจึงต้อง ทำพิธีขออนุญาตก่อนทุกครั้ง ด้วย ความสงสัยดิฉันก็เลยถามกลับไปว่า แล้วคุณตาเคยเจอบ้างไหมเจ้าป่าเจ้าเขาที่พูดๆกันมาเนี่ย คุณตาก็ตอบกลับฉันมาว่า พวกท่านไม่ใช่ผีชั้นต่ำที่จะมาเที่ยวแสดงตัวให้ใครเห็นได้ง่ายๆ บริวารแกมีเยอะแยะ หากส่งมาให้ปรากฏกายสักตนก็ทำคนขี้แตกกันได้แล้ว ฉันได้ยินอย่างนั้นฉันก็ตกใจเลย ฉันก็เลยถามตาไปต่อว่าแล้วบริวารของเจ้าป่าเจ้าเขาและเป็นยังไง คุณตาก็ไหลออกมาอย่างชัดเจนเลยว่า ก็จะเป็นพวกภูตผีหรือนางไม้ สมุนของเจ้าป่าเจ้าเขาก็จะแบ่งออกเป็น 2 พวกด้วยกัน มีทั้งผีดีและผีร้าย ผีที่ดีก็จะช่วยคุ้มครองคนดีๆที่เข้าป่าไปไม่ให้เจอสัตว์ดุร้ายคอยปกป้อง ไม่ให้สัตว์ป่ามาทำลายได้แต่ถ้ามีคนไม่ดี เข้าไปในพื้นที่ของเจ้าป่าเจ้าเขาแล้วเข้าไปทำสิ่งไม่ดีปากไม่ดีท้าทายอำนาจ ก็จะโดนผีร้ายผีไม่ดีผีเลวให้โทษหลอกหลอนทำให้หลงป่าหาทางออกไม่เจอ พอฉันได้ยินอย่างนั้นก็จบคิดขึ้นมาได้แล้วถามคุณตาไปว่า แล้วสองพ่อลูกที่ขึ้นไปนั่นล่ะ เขาเป็นคนดีหรือคนไม่ดีแล้วเขาโดนผีร้ายเล่นงานหรือเปล่า ซึ่งคุณตาก็ได้ตอบกลับมาว่า ก็น่าจะส่งประมาณนั้นแหละน่าจะไปปากดีใส่ ไปลบหลู่ใส่นั่นแหละ คุณตาก็เล่าต่อเลยว่า ตาได้ไปที่บ้านของสองคนนั้นฝั่งเมียกับหลาน ปกติ 2 คนนี้เวลาออกไปหาของป่าจะกลับมาไม่เกิน 18:00 น หรือตะวันลับดิน ได้ของป่าหรือไม่ได้แต่ยังไงก็ได้กลับบ้านแน่ๆ แต่หนนี้ไปแล้วไปลับไม่กลับมาเลย ทนใจร้อนไม่ไหวก็เลยให้หลานไปบอกกับผู้ใหญ่บ้านให้มาช่วยนั่นเอง ตอนแรกผู้ใหญ่บ้านก็บอกว่ามันมืดแล้ว ไปตอนนี้นะมันอันตรายสัตว์ร้ายบนภูเขาก็มีอยู่มาก คุณตาก็ได้ถามเมียของตาคนนั้นว่าตอนที่เข้าป่าไป ได้ขออนุญาตเจ้าป่าเจ้าเขาหรือเปล่าคุณยายก็ ทำแล้วที่นี้ คุณตาก็เอามีดที่แกนั่งลับๆคมๆ กล่าวบทคาถาบูชาพระรัตนตรัย ก่อนที่จะบอกอธิษฐานบอกเจ้าป่าเจ้าเขาให้มีเมตตา ปล่อยสองคนนั้นออกมา เพราะคุณตาล่อมาแบบนี้ฉันก็เกิดความสงสัยขึ้นมาว่า คนตายไม่มีคาถาอะไรหน่อยหรอ ทำไมใช้คาถาสวดไหว้พระแบบง่ายๆแบบนี้ ตาก็ตอบกลับมาเลยว่า เวลาเจอสิ่งลี้ลับอะไรแบบนี้ไม่ต้องท่องคาถาอะไรให้มากความ บูชาพระรัตนตรัยตั้งมั่นในพระเจ้า ขอให้ปกบารมีช่วยคุ้มครอง ไม่ว่าจะเป็นผียันต์เทวดา ล้วนแต่เกงในหลักคำพูดและพระพุทธเจ้าทั้งนั้นแหละ ขอแค่สวดและมีจิตใจที่ตั้งมั่น